| บทคัดย่อ |
ในการส่งเสริม งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสถานภาพ ศักยภาพ ปัญหาและความต้องการ ของผู้สูงอายุในชุมชนบ้านติ้ว 2) ศึกษาบทบาทครอบครัว ชุมชน และองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ในการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุ 3) ศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนผู้สูงอายุ แบบมีส่วนร่วมกับชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกิจกรรมที่จัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ 4) พัฒนาโรงเรียนผู้สูงอายุ
การศึกษาศักยภาพ ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ ต.บ้านติ้วใช้แบบสัมภาษณ์กลุ่ม ตัวอย่างจํานวน 210 คน การศึกษาบทบาทของครอบครัว ชุมชน และองค์กรภาครัฐโดยการ สัมภาษณ์และสนทนากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ส่วนการศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนผู้สูงอายุ ใช้หลายวิธีร่วมกันได้แก่ ศึกษาเอกสารป้ายประชาสัมพันธ์ การสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบมี ส่วนร่วม นําข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เชิงปริมาณ หาร้อยละ และความถี่ ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ วิเคราะห์โดยการจัดหมวดหมู่ สรุปผลการวิจัยดังนี้
1. การศึกษาสถานภาพ ศักยภาพ ปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุพบว่า ผู้สูงอายุ ตำบลบ้านติ้ว ส่วนใหญ่ มีสุขภาพแข็งแรงดี โรคที่เป็นกันมากคือความดันโลหิตสูง มีความสามารถ ในการทํากิจกรรมในชีวิตประจําวันได้เองเกือบหมด รวมทั้งสามารถทํางานบ้านได้เอง มีความ ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐจัดสรรงบประมาณสนับสนุน กิจกรรมที่ชอบและต้องการให้โรงเรียน จัดคือ การให้ความรู้การดูแลสุขภาพ รองลงมาคือการตรวจสุขภาพและกิจกรรมนันทนาการ สิ่งที่ เป็นความต้องการของผู้สูงอายุมากที่สุดคือ อยากให้โรงเรียนมีสถานที่กว้างขวาง
2.การศึกษาบทบาทของครอบครัว ชุมชน และองค์กรภาครัฐในการสนับสนุนผู้สูงอายุพบว่า ผู้สูงอายุ ดมการดูแลจากครอบครัวมีทั้งด้านอาหาร ที่อยู่อาศัยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และดูแลรักษา ยามเจ็บป่วย ได้รับความอบอุ่นไม่ถูกทอดทิ้ง ส่วนชุมชนไม่มีโครงการใดๆ สนับสนุนผู้สูงอายุ ใน ส่วนขององค์การบริหารส่วนตำบล มีการจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในวันสงกรานต์ หน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนหลักคือ ศูนย์พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ 38 และ สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียนและจัดสรร งบประมาณสนับสนุน
3. การศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนสร้างสุข(ผู้สูงวัย) ตำบลบ้านติ้ว พบว่า โรงเรียนมีโครงสร้างใหญ่ มีคณะกรรมการจํานวนมาก ประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารมี 7 ฝ่าย คณะกรรมการที่ปรึกษา และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ปฏิบัติงานโดยอาสาสมัคร จํานวน 7 คน รับผิดชอบเป็นครูใหญ่ ผู้ช่วยครูใหญ่ ครูผู้ทำกิจกรรม และครูผู้สอน ปัจจัยที่ส่งผลให้โรงเรียน ประสบความสำเร็จคือ มีครูที่เกษียณอายุราชการที่มีจิตอาสามีความสามารถเฉพาะตัวมาช่วย ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง เสียสละ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ มีการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ นักเรียนมีความสุข สนุกสนาน และมีความสามัคคีร่วมมือในการทํากิจกรรมดี ให้นักเรียนนําอาหาร มารับประทานร่วมกัน แบ่งปันกันทําให้เกิดความรักใคร่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกัน ทําให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการสืบสานวัฒนธรรมและถ่ายทอดภูมิปัญญา
4. ในการพัฒนาโรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนมีปัญหาขาดแคลนงบประมาณ อาคารสถานที่ คับแคบ จึงมีการจัดทําแผนพัฒนาโรงเรียนและศักยภาพผู้สูงอายุ ส่วนการแก้ปัญหาขาด อาสาสมัครพบว่า วิธีคัดเลือกนักเรียนที่มีศักยภาพ และมีความสามารถได้ผลมากที่สุด รองลงมา คือ ช่วยกันชักชวนคนใกล้ชิด คนรู้จักมาช่วยงาน การกําหนดตัวชี้วัดและพัฒนาแบบประเมินความ พึงพอใจ ใช้วิธีการแบบมีส่วนร่วมของครูและนักเรียน ใช้ประเมินก่อนเข้าเรียนและหลังเรียนในแต่ ละภาคเรียน
This project is 1) to study status, potential, problem and requirement of elders in Bantew. 2) to study the role of family, community, and private/public organisations in order to promote and support elders. 3) to study the model of management of elderly school with the participation of community and local government, and activity provided for support and promote the happiness of elders. 4) to develop the elderly school.
The study of status, potential, problem and requirement of elder in Bantew conducted by interviewing 210 elders. The study of role of family, community, organisations conducted by group interview. The study of model of management and activity conducted by studying leaflets, group interviews and participated observation. The gathered data was quantitatively analysed to get percentage and frequency. The qualitative analysis was also conducted by categorising. The results are as follows:
1. The study of status, potential, problem and requirement found that most of elders in Bantew have good health. The most found health problem is hypertension. Most of them can do everyday-life activities including housework. Their requirement is getting financial support from government. The most favorite activity and most wanted from school is learning knowledge about health. The next favorites are health check and recreation, respectively.
2. The study of role of family, community and organisations found that elders are well supported from their families in food, house, clothes and being taken care when getting sick. The community had no project to support elders. The local government regularly has Songran ceremony for elders. The public organisation who support the school are The 38th center of social development and human security and the local bureau of social development and human security which established the school and give financial support.
3. The study of model of management found that the school have enormous management structure composed of many committees. The committees are management committee, consulting committee and honor committee. However, the school actually run by only 7 volunteers who are head master, vice head master, teachers and activity leaders. The major factor that make school successful is having volunteers from retirees who have personal talents to lead students to do activities. Students are also actively involved in any activity by hearts. They help one another and share knowledge among them. So, the school are the center of cultural conservation and knowledge transfer.
4. Because the school need financial support and have small premises, the plans to improve the school and potential of elders were developed. Moreover, the resolution of volunteer recruitment found that promoting students who have potential to help in activity are the most effective. The criteria are defined and satisfactory form are developed by the participation of teachers and students. These will be used before and after every academic term.
|
|---|
| คำสำคัญ |
โรงเรียนผู้สูงอายุ รูปแบบการบริหารจัดการ,บ้านติ้ว หล่มสัก เพชรบูรณ์,Elderly School,Bantew Phetchabun,Management Model
|
|---|
