PCRU2557/G034

2557

โครงการวิจัยเดี่ยว

ทั่วไป

การศึกษาพฤติกรรมการใช้และความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่ง เพื่อการศึกษา ของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

A Study of behaviors and needs using e-learning for education of undergraduate students , Phetchabun Rajabhat University

1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อิศราพร ชัยงาม (หัวหน้าโครงการ)

คณะครุศาสตร์

การวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรมการใช้และความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของ นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มีจุดมุ่งหมายของการวิจัย 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่ง 2) เพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์และเปรียบเทียบพฤติกรรมและความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่ง 3) เพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จำแนกตามข้อมูลพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาปีการศึกษา 2556 จํานวน 382 คน กําหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของ Robert V.Krejcie and Earyle W. Morgan. (1970 : 608-609) ได้กลุ่มของตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน(Multistage Sampling)เครื่องมือที่ใช้การวิจัยเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมและความต้องการการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัย ราชภัฏเพชรบูรณ์ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.80 ถึง 1.00 และค่าสัมประสิทธิ์ อัลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธีการของ ครอนบัค (Cronbach) เท่ากับ 0.8214 ผู้วิจัยดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองและได้รับแบบสอบถามกลับมาทั้งหมด 382 ฉบับ คิดเป็น 100 % วิเคราะห์ข้อมูลตามลักษณะของข้อมูล ดังนี้ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาปะสิทธิภาพของเครื่องมือ โดยการการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ค่าของสัมประสิทธิ์อัลฟา (Alpha Coefficient) วิธีการของครอนบัค (Cronbach) 2) การวิเคราะห์ของข้อมูลเกี่ยวกับค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3) เปรียบเทียบพฤติกรรมและความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จำแนกตามเพศโดยใช้การทดสอบที (test)4 เปรียบเทียบ พฤติกรรมและความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีในระดับมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จำแนกตามอายุ ชั้นปี สาขาวิชาและคณะ โดยใช้การทดสอบเอฟ (F-test) และการ เปรียบเทียบภายหลังโดยใช้เชฟเฟทําการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป
 
สรุปผลการวิจัย
1. พฤติกรรมการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ อยู่ในระดับปานกลาง
2. ความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาของนักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบูรณ์ อยู่ในระดับมากที่สุด
3. นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ที่มีข้อมูลพื้นฐานแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาไม่แตกต่างกัน
4. นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์จำแนกตามข้อมูลพื้นฐานแตกต่างกัน มีความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่งเพื่อการศึกษาไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ข้อมูลพื้นฐานด้านเพศ พบว่า นักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ที่มีเพศแตกต่างกันมีความต้องการใช้อีเลิร์นนิ่ง เพื่อการศึกษาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05


The research of a Study of behaviors and needs using e-learning for education of undergraduate students , Phetchabun Rajabhat University undergraduate students have the aim of the research to study the behavior and requirement to use e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students and compare the behavior and requirement to use e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students by fundamental data classification the sample group is Phetchabun Rajabhat University undergraduate students of Office of Higher Education Commission in academic year 2013 included 382 students determine the sample size of the table of Robert V. Krejcie and Earyle W. Morgan. (1970 : 608-609) The sample group students by (Multistage Sampling) the instruments includeda questionnaire’sbehavior and requirement to use e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students IOC is 0.80 to 1.00 and Alpha Coefficient (Cronbach) equal to 0.8214. The researcher collected data manually and all questionnaires were returned 382 questionnaires equal to 100 percents. The datas were analyzed according to the following information 1) analyzing data to determine the effectiveness of the tool (IOC) (Alpha Coefficient, Cronbach) 2) analysis of data on average and standard deviation 3) compare the behavior and requirement to use e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students by classification of gender by using (t-test) 4) compare the behavior and requirement to use e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students by classificationof age grade major and faculty by using (F-test)and after comparisonby using (Sheffe). Data were analyzed usinga computer program.

The finding revealed as follows:
1. The behavior for using e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students at the medium level.
2. The requirement for using e-learning for education of Phetchabun Rajabhat University undergraduate students at the highest level.
3. Phetchabun Rajabhat University undergraduate students have different basic and they have nodifferenceof behavior for using e-learning for education.
4. Phetchabun Rajabhat University undergraduate students fundamentaldata classification difference at all. They have no difference require to use e-learning for education except the basis of gender the finding revealed Phetchabun Rajabhat University undergraduate students have difference of gender and have requirement for using e-learning for education was significantly different at the level 0.05

อีเลิร์นนิ่ง,การศึกษาพฤติกรรม,e-Learning,A Study of behaviors

ดาวน์โหลด เปิด : 122 ครั้ง

ดาวน์โหลด เปิด : 167 ครั้ง:

205 ครั้ง