| ชื่อโครงการวิจัย (EN) |
The Study of history and devotion of people in Phetchabun Province for “LuangPoh Thob”. In case study in Wangchompu Subdistrict, Muang District and Chondon Sub-district, Chondan District, Phetchabun Province
|
|---|
| บทคัดย่อ |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติและความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนในจังหวัด เพชรบูรณ์ ที่มีต่อหลวงพ่อทบ
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนตำบลวังชมพูอําเภอเมืองและตำบลชนแดน อําเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ จํานวน 12 คน ซึ่งได้มาโดยเลือกแบบเฉพาะเจาะจง และกลุ่มตัวอย่างเป็น ชาวบ้านตำบลวังชมภู อําเภอเมือง และชาวบ้านตำบลชนแดน อําเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ จํานวน 200 คน โดยใช้วิธีการดําเนินการจากเอกสารที่เกี่ยวข้องและเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์แล้วนำมา วิเคราะห์ข้อมูลโดยแยกประเด็น คือ ประวัติหลวงพ่อทบและความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนใน จังหวัดเพชรบูรณ์
ประวัติหลวงพ่อทบ ผลการวิจัยพบว่า หลวงพ่อทบ เป็นชาวบ้านยางหัวลม ตำบลนายม อําเภอ วังชมพู จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยกำเนิด ท่านเกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2424 เป็นบุตรคนที่ 3 จากพี่ น้องทั้งหมด 4 คนของนายเผือก ม่วงดีและนางอินทร์ ม่วงดี ท่านเป็นคนมีเมตตากรุณา เยือกเย็น สุขุม ปราณีต่อสัตว์ ตั้งแต่สมัยเด็ก พออายุ 16 ปี ก็ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดช้างเผือกและเมื่ออายุ 21 ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดเกาะแก้ว ได้รับฉายาว่า ธัมมะปัญโญภิกขุ ต่อมาได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวังโป่ง ก่อนไปพระอาจารย์สีได้กล่าวบอกท่านว่าฝากวัดช้างเผือกให้ท่านกลับมาพัฒนาอย่าปล่อยให้เป็นวัด ร้าง จากนั้นหลวงพ่อทบจึงเริ่มเดินธุดงค์ บำเพ็ญภาวนาศีล ศึกษาวิชาอาคม ท่านได้เดินธุดงค์ประเทศ พม่า เวียงจันทน์ ประเทศลาวและประเทศเขมร แล้วกลับมาเดินธุดงค์ในประเทศไทยโดยกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิลาโมง ท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อําเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทและหลวงพ่อเง่า อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีภูมิและอดีตเจ้าคณะอําเภอหล่มสัก แล้วท่านได้ ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพระพุทธบาทชนแดน ท่านได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นเจ้าคณะอําเภอชนแดน และได้รับการสถาปนาจากกรมการศาสนาเป็นพระครูวิชิตพัชราจารย์ เมื่อ ท่านอายุได้ 85 ปี ดวงตาข้างขวาของหลวงพ่อทบได้เกิดเป็นต้อเนื้อ ท่านจึงได้ไปรักษาที่โรงพยาบาล ในกรุงเทพมหานคร แล้วสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้งแต่แล้วดวงตาข้างขวาก็เริ่มพร่ามัวมองไม่ เห็นจนบอดสนิทและต่อมาดวงตาข้างซ้ายของท่านก็เริ่มมีอาการเช่นเดียวกัน จนดวงตาของท่านก็ได้ บอดสนิท ท่านจึงกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดช้างเผือกเมื่อปี พ.ศ. 2515 เพื่อบูรณะวัดช้างเผือกขึ้นมา ใหม่ให้มีความเจริญรุ่งเรือง และในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2519 นายแฉล้ม ชีพราหมณ์ ลูกศิษย์คนสนิท เห็นหลวงพ่อทบท่านมีอาการไม่ค่อยดี จึงพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ พอเดินทางถึง ตำบลนาเฉลียงท่านก็ได้ละสังขารจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบ สิริอายุได้ 95 ปี ศิษยานุศิษย์จึงนํากาย สังขารของท่านมาเก็บรักษาไว้ในโลงแก้วภายในมณฑป วัดช้างเผือก ตามเจตนารมณ์ของท่าน
ความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชน จากกลุ่มตัวอย่าง 200 คน ผลการวิจัยพบว่า ประชาชนใน จังหวัดเพชรบูรณ์มีความเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อทบ (พระครูวิชิตพัชราจารย์) อยู่ที่ระดับ 4.58 คือ เลื่อมใสศรัทธามากที่สุด
The objective of this research to study the story and believability of people in Phetchabun Province to LuangPoh Thob.
The population and sample group are 12 people in Wangchomphu Sub-district, Muang District and Chondan Sub-district, Chondan District, Phetchabun Province by Purposive Sampling and the sample group are 200 people in Wangchomphu Sub-district, Muang District and Chondan Sub-district, Chondan District, Phetchabun Province. By using way of process from the concerning documents and storage from interview and then analysis the data by separate issues are the story of LuangPoh Thob and believability of people in Phetchabun province.
The story of LuangPoh Thop, the result of research found that LuangPoh Thob was born at Ban Yanghualom, Nayom Sub-district, Wangchomphu District, Phetchabun Province on the date 3 Mar 1881, be the third child from 4 children of Mr. Phuag Muangdee and Mrs. In Muangdee. He was a humanization, calm, providence, kind to the animals since he was young. When he was 16 years old ordinated as a novice at Wat Changphuag and when aged 21 years he was ordinate as a monk at Wat Koh Kaew, got the name that “Dhamma Panyopikhu”. Later moved to Wat Wang Pong, which Phra Arjarn See said to him “Leave Wat Changphuag to LuangPoh Thop to develop and not let it be a wasteful temple”. After that LuangPoh Thop started the hike, performed the sacrament prayer, studied the Magic masterly. He hiked to Burma, Vientiane in Laos and Cambodia then back to hiked in Thailand and hermitage at Wat Sila Mong. He got more study with LuangPoo Suk at Wat Pak Khlong Makham Thao, Wat Sing District, Chainat Province and also LuangPoh Ngao, a previous abbot of Wat Sriphum and primate of Lomsak District too. Later he moved to Wat Phra Buddhabath Chondan and got designation from the ministry assigned to be the Primate of Chondan District and also was established a new title from Department of Religion that “Phrakhru Wichitphatcharajarn”. When he was 85 years old, the right eye of LuangPoh Thob got a Pterygium then he treated it at a hospital in Bangkok. After that his right eye back to normal again and later that right eye was worst and blind completely. Later his left eye was same the right one until blind both, so he moved to Wat Changphuag in the year 1972 to restoration Wat Changphuag return to prosperity again. And on the date 14 Mar 1976 Mr. Chalam Cheephram, a close disciple saw LuangPoh Thob not very well then he took LuangPoh Thob to a hospital in Bangkok but when traveled to Na Chaliang Sub-district LuangPoh Thop passed away peacefully, aged 95 years old. The adherents put his dead-body in glass coffin in the Mondhop of Wat Changphuag as his intention.
The believability of the sample 200 people, the result of research found that people in Phetchabun Province have the believability to LuangPoh Thob’s (Phrakhru Wichitphatcharajarn) in level 4.58 is the most believability.
|
|---|
| คำสำคัญ |
ประวัติและความเลื่อมใส,ความเลื่อมใสศรัทธา,จังหวัดเพชรบูรณ์,หลวงพ่อทบ,ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง,ตำบลชนแดน อำเภอชนแดน
|
|---|
