| บทคัดย่อ |
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานความผูกพันต่อองค์กรและสมรรถนะการทำงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ 2) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะการทำงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ และ 3) ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการทำงานขอบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บุคลกรของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จำนวน 252 คน ได้มาโดยการกำหนดขนาดผุ้ตอบแบบสอบถามโดยใช้สูตร ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamanae. 1973 : 727) และใช้การสุ่มอย่างง่าย ประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือน พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานราชการ พนักงานลูกจ้างประจำ พนักงานลูกจ้างชั่วคราว เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามซึ่งให้ผู้ตอบแบบสอบถามตอบด้วยตัวเอง (Self Administered Questionnaire) แบ่งออกเป็น 5 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ข้อคำถามเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคล เป็นชนิดตรวจรายการ (Check List) ตอนที่ 2 ข้อคำถามเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในการทำงน ตอนที่ 3 ข้อคำถามเกี่ยวกับความผูกพันต่อองค์กร และ ตอนที่ 4 ข้อคำถามเกี่ยวกับสรรถนะการทำงานทั่วไปที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางาน เป็นชนิดปลายเปิด (Opened Questionnaire) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Erequency) และคาร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การประมาณค่าแบบช่วง (Interval Estimation) ทดสอบสมสติฐานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคุณ (Multiple Linession analysis) และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) แล้วนำเสนอเชิงพรรณนาความผลกราวิจัยเป็น ดังนี้
1.บุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์มีคุณภาพชีวิตในการทำงาน โดยรวมและรายด้ายอยู่ในระดับปานกลางทั้งหมด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ ลักษณะงานที่ตั้งอยู่บนฐานของกฎหมาย
2.กระบวนการยุติธรรม ลักษณะงานมีส่วนส่งเสริมด้านบูรณาการทางด้านสังคมของผู้ปฏิบัติงานได้พัฒนาความรู้ความสามารถได้เป็นอย่างดี ลักษณะงานมีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับสังคมโดยตรง สิ่งแวดล้อมที่ถูกลักษณะและปลอดภัย ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเพียงพอ และความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานโดยส่วนรวม ตามลำดับ
3.บุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์มีความผูกพันต่อองค์กร โดยรวมอยู่ในระดับปานกลางพิจารณาเป็นรายด้าน อยู่ระดับสูง 2 ด้าน และปานกลาง 1 ด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อยดังนี้ความเติมใจที่ทุ่มเท ความพยายามอย่างมากเพื่อปะโยชน์ขององค์การ ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการยอมรับเป้าหมายและยอมรับค่านิยมขององค์การ และความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการคงไว้ซึ่งการยอมรับเป้าหมายแหละยอมรับค่านิยมขององค์การ และความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการคงไว้ซึ่งการเป็นสมาชิกภาพในองค์การ ตามลำดับ
4.บุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์มีสมรรถนะการทำงาน โดยรวมอยู่ในระดับสูงพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับสูงมาก 1 ด้าน และระดับปานกลาง 4 ด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ดังนี้ การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม และจริยธรรม การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพการบริการที่ดีการทำงานเป็นทีม และการมุ่งผลสัมฤทธ์ ตามลำดับ
5.ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสมรรถนะการทำงานบุคลากรมหาวิทยาลัยราชเพชรบูรณ์ ได้แก่ ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการยอมรับเป้าหมายและยอมรับค่านิยมขององค์การลักษณะงานมีส่านส่งเสริมด้านบูรณาการทางสังคมของผู้ปฏิบัติงาน ความสมดลระหว่างชีวิตกับการทำงานโดยส่วนรวม ประเภทของบุคลากรและที่พักอาศัย ค่าสัมประสิทธิ์ถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน คือ 0.180, 0.131, 0.173, 0.179, และ 0.110 ตามลำดับค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยในรูปคะแนนมาตรฐาน คือ 0.243, 0.289, 0.260, .0.19, และ 0.136 ตามลำดับตัวแปรดังกล่าวสามารถรวมกันอธิบายความแปรปรวนของสมรรถนะการทำงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ได้ร้อยละ 19.70 (F=12.106) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01
6.ข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการทำงานของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ดังนี้ (1) การพิจารณาความดีความชอบควรดำเนินการโดยยึดหลักคุณธรรมมากขึ้น (2) สนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรได้มีโอกาสพัฒนาตนเองด้วยการเข้ารับการอบรม หรือการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นโดยไม่จำกัดเฉพาะประเภทของบุคลากรประเภทใดประเภทหนึ่ง (3) จัดการสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนให้จูงใจให้ผู้เรียนใฝ่เรียนใฝ่รู้ (4) จัดสวัสดิการแกบุคลากรด้วยความเสมอภาคแก่บุคลากรทุกประเภท (5) นำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารจัดการอย่างเข้มแข็ง หลักการมีส่วนร่วม หลังนิติธรรม หลักความโปร่งใส่ หลักความรับผิดชอบ
The purposes of this research were aimed to study 1) the level of the Quality of work life, engagement to orqanization and competency of personnel of Rajabhat phetchabun university.2) The factors affecting competency of human resource of Rajabhat phetchabun university. 2) The factors affecting competency of human resource of Rajabhat phetchabun university. And study the useful suggestions about developing personnelzs competency of Rajabhat phetchabun university. The samples used for study were the personnel of Rajabhat phetchabun university consist of 252 persons, selected by Tara Yamane sampling sized method and the simple random sampling include the civil servant, the university employees, The instrument for collecting data was the self administered guestionnaire dividing as 5 sections; the firstzs personnel factors as check list, the second was about the quality of work life, the thirdzs about the engagement to organization, the forthzs about the personnelzs competency; they five rating scale guestionnaire and the last opened guestionnaire about useful suggestions about developing personnelzs competency. The statistics for analysis were Freguency, percentage, mean, standard deviation, the statistics for analysis were Freguency, percentage,mean, standard Deviation, the lnterval Estimation and the stepwise multiple linear regression analysis for testing hypothesis. And the stepwise multiple linear regression analysis for testing hypothesis. And the guality data was analyzed by content analysis.
The research results were found as follows;
1. The level of the guality of work life of personnel of Rajabhat phetchabun university as overall and all aspect were at moderated level, itzs shown the arithmetic mean from highest to lowest; the type of work based on the legal or judicial process, the type of work contribute to integration of social worker, the type of work that promotes growth and stability for workers, the opportunities for workers to develop their as well, the type of work involve and relate to directly community,the environment were identified and safety, the fair adequate compensation, and the balance between life and work as overall respectively.
2.The engagement to organization of personnel of Rajabhat Phetchabun University as a whole was at moderated level, considering each aspect were at a high level for 2 and at moderated for one, itz s shown the arithmetic mean from highest to lowest; the willingness to dedication and huge effort for the benefit of organization, the strongly beliefs in goals and values of organization, and the strongly desire to maintain the membership in organization respectively.
3.The personnelzs competency of Rajabhat Phetchabun University as a whole was at high level, considering each aspect were at a highest to level; the adherence on legitimacy and ethics correctly, the accumulation of specializes in work, the good services, the teamwork and the achievement focus respectively .
4.The factors affecting personnelzs competency of Rajabhat Phetchabun University work the stronly beliefs in goals and vales of organization, the type of work contribute to integration of social worker , the balance between life and work as overall, the kind of personal and the housing were significant predators of personnelzs competency at 19.70% (f=12.106, < .01)
5.The useful suggestion about developing personnelzs competency were found as follows; (1) determining the promotion system should be based on morality, (2) encourage and support personnel to have opportunity for developing themselves such as training or further study as higher by unlimited only some of personnel types particularly,(3) managing environment both inside and outside classroom to motivate learners personnel types, (4) provide the university welfare with equality for all of personnel types, (5) apply principle of good governance in administration intensively; participation, rule of law, rule of law, morality, transparency and responsibility.
|
|---|
