| บทคัดย่อ |
การพัฒนาถ่านชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางเกษตรต่อการผลิตพืชพื้นที่เกษตรกรรมพื้นที่สูง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ มาผลิตเป็นถ่านชีวภาพเพื่อปรับปรุงดินในการทดลองปลูกผักชีในพื้นที่ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในระบบเกษตรกรรมพื้นที่สูง มีวางแผนการทดลองแบบ Factorial in RCBD จำนวน 4 ซ้ำ โดยมีปัจจัยหลัก การพรางแสง คือ ไม่พรางแสง และพรางแสงด้วยสแลนสีฟ้า 50 % ปัจจัยรอง คือ 1. ไม่ใส่ปุ๋ย (แปลงควบคุม) 2. ใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตร 3. ถ่านชีวภาพจากเปลือกโกโก้อัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ 4. ถ่านชีวภาพจากต้นยาสูบอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ 5. ปุ๋ยหมักถ่านชีวภาพอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ และ6. มูลไส้เดือนอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ พบว่า การปลูกผักชีกลางแจ้งไม่ได้พรางแสง ให้ผลผลิตสูงที่สุด 2255.87 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ถ่านชีวภาพจากเปลือกโกโก้ส่งผลให้การเจริญเติบโต ผลผลิต 1917.95 กิโลกรัมต่อไร่ และคุณภาพของผักชีดีปริมาณคลอโรฟิลล์รวม 5.25 ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ 68.79 % มากที่สุด ส่วนอิทธิพลร่วมพบว่า การปลุกกลางแจ้งไม่พรางแสงร่วมกับการใส่ถ่านชีวภาพจากเปลือกโกโก้มีผลผลิตมากที่สุด ถ้าด้านคุณภาพผลผลิต การพรางแสง 50 % สแลนสีฟ้า ร่วมกับการใส่ถ่านชีวภาพจากเปลือกโกโก้อัตรา 1 กิโลกรัม/ตารางเมตร มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด 73.93 % ทั้งนี้ถ้าส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักชีต้องคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ เพราะผักชีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในฤดูหนาว การทดลองทดลองในฤดูร้อน การพรางแสงจึงมีความจำเป็นในการปลูกผักชีให้ได้การเจริญเติบโตและคุณภาพที่ดีที่สุด
Development of biochar from agricultural waste materials for crop production in highland agricultural areas, Khao Kho District, Phetchabun Province, with the objective of using agricultural waste materials in the area to produce biochar to improve soil in the experiment of coriander cultivation in Nong Mae Na Subdistrict, Khao Kho District, Phetchabun Province in the highland agricultural system. The experiment was designed as a Factorial in RCBD with 4 replications. The main factor was shading, i.e. no shading and shading with 50% blue shade cloth. The secondary factors were 1. No fertilizer (control plot), 2. Fertilization according to the recommendations of the Department of Agriculture, 3. Biochar from cocoa shells at a rate of 1,000 kilograms per rai, 4. Biochar from tobacco plants at a rate of 1,000 kilograms per rai, 5. Biochar compost at a rate of 1,000 kilograms per rai, and 6. Earthworm feces at a rate of 1,000 kilograms per rai. It was found that growing coriander outdoors without shading gave the highest yield of 2255.87 kilograms per rai. Applying biochar from cocoa shells resulted in growth and yield of 1917.95 kilograms per rai. And the quality of coriander is good, the total chlorophyll content is 5.25, the antioxidant activity is 68.79% the most. As for the combined influence, it was found that the outdoor cultivation without shading together with the application of biochar from cocoa shells had the highest yield. In terms of yield quality, the shading is 50%, the blue shade cloth together with the application of biochar from cocoa shells at the rate of 1 kilogram/square meter had the highest antioxidant content at 73.93%. However, if farmers are encouraged to grow coriander, they must take into account the climate because coriander can grow well in winter. The experiment in summer, the shading is necessary to grow coriander for the best growth and quality.
|
|---|
| คำสำคัญ |
ถ่านชีวภาพจากเปลือกโกโก้,ถ่านชีวภาพจากต้นยาสูบ,ผักชี,เกษตรกรรมพื้นที่สูง,Cocoa shells Biochar,Tobacco plants Biochar,Coriander,Highland Agriculture
|
|---|
