| บทคัดย่อ |
ที่มา: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสาคัญนาไปสู่ความพิการและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชากรโลกและประเทศไทย โดยเฉพาะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต ประเทศไทยมีการรณรงค์งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนถึงปัจจุบัน ผลการสารวจใน 3 ระยะในปี พ.ศ. 2558 2561 และ 2564 พบว่า นักดื่มมีการงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มการลดลงของการงดเหล้าเข้าพรรษา จึงได้ทาการวิจัยนี้
ระเบียบวิธีวิจัย: เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสารวจ ภายใต้โครงการ “การสารวจเพื่อประเมินผลโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา” ของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เป็นการสารวจเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางซ้ำโดยเลือกข้อมูลจากการสารวจ 3 ระยะในปี พ.ศ. 2558 2561 และ 2564 มาใช้วิเคราะห์เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรณรงค์ในปีที่ประเมิน อายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไปจากทั่วประเทศ รวม 5,898 คน ทาการสุ่มตัวอย่างแบบ Stratified sampling ใน 5 ภูมิภาค เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ ใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Multiple binary logistic regression และใช้โปรแกรม R Version 4.0.3 หรือสูงกว่า ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการศึกษา: พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 37.9 และ 39.9 ปี มากกว่าร้อยละ 40 จบการศึกษาระดับประถมศึกษา เกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ มีรายได้ต่อเดือนมากที่สุดอยู่ในช่วง 5,000–9,999 บาท ในปี 2558 และอยู่ในช่วง 10,000–19,999 บาท ในปี 2561 และ 2564 ความชุกของความถี่ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรณรงค์มีการดื่มอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์หรือดื่มเป็นประจา เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.5 ในปี 2558 เป็นประมาณร้อยละ 50 ในปี 2561 และ 2564 แต่ค่าใช้จ่ายในการดื่มต่อครั้งมีแนวโน้มลดลงตลอดระยะเวลาการศึกษา ขณะที่สัดส่วนของนักดื่มที่มีการสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้ากลับมีแนวโน้มที่ลดลง ในแง่ของการงดเหล้าเข้าพรรษา ร้อยละของการงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาลดลงอย่างมากจากร้อยละ 32.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 12.9 ในปี 2564 ในทานองเดียวกันพบว่าแนวโน้มการเข้าร่วมการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษามีแนวโน้มลดลงเช่นกัน เมื่อวิเคราะห์แบบพหุตัวแปร พบว่า เพศหญิงมีโอกาสงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาสูงกว่าเพศชายในปี 2558 (adjusted OR, 1.26; 95% CI, 1.02–1.55) และปี 2564 (adjusted OR, 1.59; 95% CI, 1.16–2.20) ผู้มีรายได้ต่อเดือนที่สูงขึ้นมีโอกาสงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาสูงกว่าผู้ที่มีรายได้ต่าในปี 2558 และ 2564 นักดื่มที่มีความถี่ในการดื่มนาน ๆ ครั้งก่อนการรณรงค์มีโอกาสงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาสูงกว่านักดื่มที่มีความถี่ในการดื่มอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือดื่มเป็นประจาก่อนการรณรงค์ทั้ง 3 ปี ผู้ที่สัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้ามีโอกาสที่จะงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาสูงกว่าผู้ที่ไม่เคยสัมผัสสื่อรณรงค์รณรงค์งดเหล้าทั้งในปี 2558 (adjusted OR, 1.60; 95% CI, 1.11–2.32) และปี 2561 (adjusted OR, 1.63; 95% CI, 1.19–2.23) นอกจากนั้น ยังพบว่าเพศ อายุ รายได้ต่อเดือน มีความสัมพันธ์กับการงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาอย่างน้อย 2 ใน 3 ระยะ
สรุปและอภิปรายผล: ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาและเข้าร่วมการงดเหล้าเข้าพรรษา อย่างน้อย 2 ระยะ ได้แก่ ความถี่ของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรณรงค์ การสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เพศ อายุและรายได้ต่อเดือน อภิปรายได้ว่า นักดื่มที่มีความถี่ของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรณรงค์แบบนาน ๆ ครั้ง มีโอกาสที่จะงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาเป็น 5 เท่า 6.5 เท่าและ 2.4 ในปี 2558 2561 และ 2564 ตามลาดับ และมีโอกาสเข้าร่วมการงดเหล้าเข้าพรรษาเป็น 3.64 เท่า 5.2 เท่าและ 2.2 เท่าในปี 2558 2561 และ 2564 ตามลาดับ เมื่อเทียบกับนักดื่มมีความถี่ของการดื่มก่อนการรณรงค์เป็นประจาหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้คนที่ดื่มแอลกอฮอล์นาน ๆ ครั้ง มักเป็นกลุ่มที่คานึงถึงสุขภาพตนเองและไม่มีปัญหาการติดสุรา จึงมีโอกาสจะงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาได้มากกว่าผู้มีปัญหาการติดสุรา และนักดื่มที่มีการสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้า มีโอกาสที่จะงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาเป็น 1.6 เท่าในปี 2558 และ1.63 เท่าในปี 2561 และเข้าร่วมการงดเหล้าเข้าพรรษาเป็น 1.54 เท่าในปี 2558 และ 1.49 เท่าในปี 2561 เมื่อเทียบกับนักดื่มที่ไม่มีการสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้า ทั้งนี้เนื่องจากการสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา จะประกอบไปด้วยคาเตือนเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโทษ ข้อกฎหมายและความเสี่ยงด้านสุขภาพ ทาให้มีความรู้และความตระหนักในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มที่ลดลงของการงดเหล้าเข้าพรรษานั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยที่มีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ในระยะที่ 3 ปี พ.ศ.2564 พบว่า การสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาไม่มีความสัมพันธ์กับการงดเหล้าได้ครบตลอดเข้าพรรษาและเข้าร่วมการงดเหล้าเข้าพรรษา สอดคล้องกับร้อยละของการสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาที่มีแนวโน้มที่ลดลง จึงสรุปได้ว่าปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับแนวโน้มที่ลดลงของการงดเหล้าเข้าพรรษา คือ การสัมผัสสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เมื่อมีการควบคุมตัวแปร ความถี่ของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการรณรงค์ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน ศาสนาและค่าใช้จ่ายในการดื่มต่อครั้ง ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบัน สื่อมีความหลากหลายมากกว่าในอดีต แต่ละสื่อมีความเหมาะสมเฉพาะประชากรเป้าหมายในบางกลุ่ม การจัดทาสื่อรณรงค์ที่ขาดความหลากหลายหรือไม่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มได้ ดังนั้น การจัดทาสื่อในการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ต้องมีความหลากหลายและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
|