| บทคัดย่อ |
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาอิฐเทียมดูดซับกลิ่นจากกะลาแมคคาเดเมีย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากเปลือกกะลาแมคคาเดเมีย เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตวัสดุประดับและตกแต่งจากเศษเหลือในกระบวนการผลิตแมคคาเดเมีย และเพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับใช้เศษเหลือจากกระบวนการผลิตแมคคาเดเมียเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจากการดำเนินงานวิจัย พบว่า โครงการย่อยที่ 1 การวิจัยและพัฒนาอิฐเทียมดูดซับกลิ่นจากกะลาแมคคาเดเมีย สำหรับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตและแปรรูปแมคคาเดเมียเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีระดับความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.19 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.65 มีค่าคะแนนความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก มีผลการประเมินความพึงพอใจในการสร้างเครื่องอัดก้อนอิฐเทียมดูดซับกลิ่น พบว่า ระดับความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญในภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 4.16 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.67 มีค่าคะแนนความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และจากการทดสอบอิฐเทียมดูดซับกลิ่นจากกะลาแมคคาเดเมีย พบว่า การดูดซับกลิ่นที่ดีที่สุดจะอยู่สูตรที่ 1-4 ซึ่งค่าการต้านทานแรงอัดที่เหมาะสมอยู่ที่ 20-25 กก./ตร.ซม. มีค่าการดูดซึมน้ำอยู่ที่ 17-19 เปอร์เซ็นต์ และค่าการดูดซับความชื้นอยู่ที่ 75-83 เปอร์เซ็นต์
โครงการย่อยที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากเปลือกกะลาแมคคาเดเมีย พบว่า ผลการวิเคราะห์คุณภาพการติดสี ที่ความคงทนของสีต่อแสง อยู่ในระดับ 3.5 สีเปลี่ยนแปลงพอสังเกตได้ ความคงทนของสีต่อการซัก อยู่ในระดับ 3.5 สีเปลี่ยนแปลงพอสังเกตได้ และระดับสีตกติด อยู่ในระดับ 4.5 สีตกติดเล็กน้อยจนไม่มีการตกติดของสี ความคงทนของสีต่อการขัดถู สีตกติดผ้าขาวในสภาพแห้งอยู่ในระดับ 4.0 สีตกติดเล็กน้อย และในสภาพเปียกอยู่ในระดับ 3.0 สีตกติดพอสังเกตได้ ความคงทนของสีต่อน้ำ อยู่ในระดับ 4.0 สีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และระดับสีตกติด อยู่ในระดับ 4.5 สีตกติดเล็กน้อยจนไม่มีการตกติดของสี ความคงทนของสีต่อเหงื่อ อยู่ในระดับ 4.0 สีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และระดับสีตกติด อยู่ในระดับ 4.5 สีตกติดเล็กน้อยจนไม่มีการตกติดของสี และความคงทนของสีต่อการซักแห้ง อยู่ในระดับ 4-5 สีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจนถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสี และระดับสีตกติด อยู่ในระดับ 4-5 สีตกติดเล็กน้อยจนไม่มีการตกติดของสี
โครงการย่อยที่ 3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นในการผลิตวัสดุประดับและตกแต่งจากเศษเหลือในกระบวนการผลิตแมคคาเดเมีย พบว่า การผลิตแผ่นวัสดุตกแต่งจากเศษเหลือจากกระบวนการผลิตแมคคาเดเมีย พบว่าลวดลายที่มีระดับคะแนนมากที่สูงสุด คือ ลายดอกพิกุล มีคะแนนรวมทั้งหมด 76.8 คะแนน เมื่อพิจารณาเป็นด้าน 4 ด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับคะแนนมากที่สุด คือ ด้านการประกอบด้วยวัสดุอื่น 23.3 คะแนน รองลงมาคือด้านด้านสี 22.3 คะแนน รองลงมาคือด้านลักษณะทั่วไป ได้ 20 คะแนน และระดับคะแนนน้อยที่สุดคือ ด้านการเคลือบเงา 19 คะแนน ลวดลายที่มีระดับคะแนนรองลงมาลายจักสานมีคะแนนรวมทั้งหมด 76.8 คะแนนเมื่อพิจารณาเป็นด้าน 4 ด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับคะแนนมากที่สุด คือ ด้านสี 22.3คะแนนรองลงมาคือด้านลักษณะทั่วไป ได้ 21.5 คะแนน รองลงมาคือด้านการเคลือบเงา 17 คะแนน และระดับคะแนนน้อยที่สุดคือด้านการประกอบด้วยวัสดุอื่น 16 คะแนน ลวดลายที่มีระดับคะแนนน้อยที่สุดคือลายลายราชวัดมีคะแนนรวมทั้งหมด 74.8 คะแนนเมื่อพิจารณาเป็นด้าน 4 ด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับคะแนนมากที่สุด คือด้านการประกอบด้วยวัสดุอื่น 23.3 คะแนน รองลงมาคือด้านด้านสี 22 คะแนนรองลงมาคือด้านการเคลือบเงา 17 คะแนนและระดับคะแนนน้อยที่สุดคือด้านลักษณะทั่วไป ได้ 12.5 คะแนน และผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานแผ่นวัสดุตกแต่งจากเศษเหลือจากกระบวนการผลิตแมคคาเดเมีย มีความพึงพอใจในภาพรวมทั้งหมด มีค่าเฉลี่ย 4.38 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน 0.80 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก
โครงการย่อยที่ 4 การเพิ่มศักยภาพสำหรับใช้เศษเหลือจากกระบวนการผลิตแมคคาเดเมียเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ พบว่า 1. อาหารทดลองในแต่ละสูตรมีคุณค่าทางโภชนะ เช่น วัตถุแห้ง โปรตีน ไขมัน ผนังเซลล์ เฮมิเซลลูโลส และเถ้า ที่มีค่าใกล้เคียงกัน โดยมีระดับพลังงานอยู่ในช่วง 3,980 – 4,290 kcal/kg 2. โคเนื้อมีน้ำหนักตลอดระยะเวลาการทดลองเฉลี่ยสูงสุด ภายหลังจากการได้รับอาหารข้นผสมแมคคาเดเมียเหลือทิ้ง (T3) มีค่าเท่ากับ 218.83 กิโลกรัม/ตัว รองลงมาคือโคเนื้อที่ได้รับอาหารข้นผสมแมคคาเดเมียเหลือทิ้ง ที่ระดับ 10, 30 และ 0 % มีค่าเท่ากับ 214.33, 214.00 และ 210.33 กิโลกรัม/ตัว ตามลำดับ 3. โคเนื้อที่ได้รับอาหารข้นผสมแมคคาเดเมียเหลือทิ้ง แตกต่างกัน 4 ระดับ โคเนื้อมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาการทดลองเฉลี่ยน้ำหนักตัวสูงสุด (T1) มีค่าเท่ากับ 42.16 กิโลกรัม/ตัว ต่ำสุด (T4) มีค่าเท่ากับ 37.67 กิโลกรัม/ตัว 4. อัตราการเจริญเติบโตของโคเนื้อ พบว่าโคเนื้อมีอัตราการเจริญเติบโตต่อวันจากการได้รับอาหารข้นผสมแมคคาเดเมียเหลือทิ้ง ในเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกัน แต่ส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยของโคเนื้อใกล้เคียงกัน มีค่าอยู่ระหว่าง 0.42 – 0.47 กิโลกรัม/วัน 5. ผลผลิตสุดท้ายของกระบวนการหมักในกระเพาะหมัก ค่าพีเอช (pH) มีค่าเฉลี่ย pH เท่ากับ 6.87, 6.87, 6.86 และ 6.85 ตามลำดับ 6. ค่าความเข้มข้นของ NH3-N ในของเหลวจากกระเพาะหมัก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 5.76, 5.76, 5.35 และ 5.38 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ 7. ค่า TVFAs ในของเหลวจากกระเพาะหมัก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 98.83, 96.63, 94..63 และ 93.83 มิลลิโมลาร์ ตามลำดับ 8. ความเข้มข้นของกลูโคสในกระแสเลือด (blood glucose, BG) มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 12.65, 10.65, 10.77 และ 11.60 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ 9. ความเข้มข้นของยูเรียในกระแสเลือด (blood urea nitrogen, BUN) มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 76.99, 77.99, 76.57 และ 76.97 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
The purpose of this research was to develop an artificial odor absorbing brick from macadamia shells. To develop tie-dyed products from macadamia shells for the application of technology together with local wisdom in the production of decorative and decorative materials from the leftovers in the macadamia production process And to increase the potential for using leftovers from the macadamia production process as animal feed. From the research work, it was found that subproject 1 research and development of artificial bricks absorbs odor from macadamia shells. For the community enterprise, Khao Kho Macadamia Producer and Processing Group Phetchabun Province The overall level of satisfaction of the experts was 4.19, the standard deviation was 0.65, and the opinion score was at a high level. There was an evaluation of satisfaction in building an artificial odor absorbing brick press machine. It was found that the satisfaction level of the experts in general was 4.16 with a standard deviation of 0.67 with a high level of opinion scores. And from testing artificial bricks to absorb odors from macadamia shells, it was found that the best odor absorption would be in formula 1-4, where the appropriate compressive strength value was 20-25 kg/sq.m. .cm. has a water absorption value of 17-19 percent and a moisture absorption value of 75-83 percent.
Sub-project 2: development of tie-dyed fabric products from macadamia shell shells. At the color fastness to light at level 3.5, the color change is noticeable. Color fastness to washing was at level 3.5, color changes were noticeable. and the level of color fading is at level 4.5, the color fading slightly until there is no color fading Color fastness to abrasion Color fading to white clothes in dry condition was at level 4.0, slight color fading. And in the wet condition, at level 3.0, the color fade is noticeable. The color fastness to water is at level 4.0, the color changes slightly. and the level of color fading is at level 4.5, the color fading slightly until there is no color fading The color fastness to perspiration is at level 4.0, the color changes slightly. and the level of color fading is at level 4.5, the color fading slightly until there is no color fading And the color fastness to dry cleaning is at level 4-5, the color changes slightly to no color change. and the level of color falling is at level 4-5, the color falling slightly until there is no color falling
Sub-project 3. The application of technology with local knowledge in the production of ornamental and decorative materials from macadamia wastes. It was found that the production of decorative materials sheets from macadamia wastes. It was found that the pattern with the highest score was Pikul flower pattern with a total score of 76.8 points. Considering the 4 aspects, it was found that the aspect with the highest score was the composition of other materials at 23.3 points, followed by the color aspect. 22.3 points, followed by general characteristics, got 20 points, and the lowest score was Glaze 19 points, pattern with the next highest score, weaving pattern, total score of 76.8 points when considering in 4 aspects, it was found that the color side with the highest score was 22.3 points, followed by general appearance. 21.5 points, followed by lacquer, 17 points, and the lowest score is the composition of other materials, 16 points. The pattern with the lowest score is the royal temple pattern with a total score of 74.8 points when considering the 4 sides. that the side with the highest score is the composition of other materials, 23.3 points, followed by the color side, 22 points, followed by the glossy side, 17 points, and the lowest score level is the general appearance, 12.5 points, and the user satisfaction assessment results. Sheets of decorative materials from waste from the macadamia production process. The overall satisfaction with the mean was 4.38, the standard deviation was 0.80, and the satisfaction was at a high level.
Sub-project 4: Enhancement of potential for utilization of waste from macadamia production as animal feed. It was found that 1. Each formula of experimental feed had nutritional values such as dry matter, protein, lipid, cell wall, hemicellulose and ash. similar value The energy levels were in the range of 3,980 – 4,290 kcal/kg. 2. The average weight of beef cattle during the experimental period was the highest. After fed concentrated feed with macadamia waste (T3) was 218.83 kg/cat followed by beef cattle fed concentrated feed with macadamia waste at levels 10, 30 and 0. % were 214.33, 214.00 and 210.33 kg/head, respectively. 3. Beef cattle fed concentrated feed mixed with macadamia waste had 4 different levels. Beef cattle gained weight throughout the experimental period. The highest (T1) was 42.16 kg/head, the lowest (T4) was 37.67 kg/head. 4. Growth rate of beef cattle. It was found that beef cattle had a daily growth rate from fed concentrated feed containing macadamia waste. in different percentages But it affects the average growth rate of beef cattle similarly. The value of NH3-N was between 0.42 – 0.47 kg/day. 5. The final product of rumen fermentation, the pH value (pH) had the mean pH of 6.87, 6.87, 6.86 and 6.85, respectively. 6. NH3-N concentration. The mean values of TVFAs in rumen fluid were 5.76, 5.76, 5.35 and 5.38 mg%, respectively. 7. TVFAs in rumen fluid had mean values of 98.83, 96.63, 94..63 and 93.83 mmol, respectively. 8 The mean blood glucose (BG) concentrations were 12.65, 10.65, 10.77 and 11.60 mg%, respectively. 9. Blood urea nitrogen (BUN) concentrations were mean. were 76.99, 77.99, 76.57 and 76.97 milligram percent, respectively.
|
|---|
