| บทคัดย่อ |
โครงการวิจัยย่อยที่ 1 การสร้างกลยุทธ์และกระบวนการทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวานเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อมะขามออนไลน์ของผู้บริโภค 2) ศึกษากลยุทธ์การสื่อสารการตลาดต่อการตัดสินใจซื้อมะขามออนไลน์ของผู้บริโภค กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคที่ซื้อมะขาม จำนวน 400 คน ได้จากการคำนวณตัวอย่างจากสูตรของทาโร่ ยามาเน่ การศึกษาครั้งนี้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้แก่ SPSS วิเคราะห์ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า (1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 28-32 ปี ส่วนใหญ่อาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ (2) ด้านพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์มะขามผ่านช่องทางออนไลน์ พบว่าผู้บริโภคเข้าใช้อินเทอร์เน็ต 6-10 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยระยะเวลาในการใช้อินเทอร์เน็ต 1-3 ชั่วโมงต่อครั้ง เข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ในด้านความบันเทิง ด้วยช่องทาง Facebook ,Tik-tok ,line, Website เพื่อซื้อสินค้า (3) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลยุทธ์สื่อสารการตลาดออนไลน์ของผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญอยู่ในระดับมากที่สุดทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ กลยุทธ์ด้านความไว้วางใจ กลยุทธ์ด้านความน่าเชื่อถือ กลยุทธ์ด้านความดึงดูดใจ และกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพ มีตราสินค้า ป้ายบอกข้อมูลทางโภชนาการ มีการรีวิวสินค้า สินค้าภายในร้านเป็นสินค้าใหม่ มีการติดราคาสินค้าอย่างชัดเจน บริเวณที่ตั้งของร้านควรอยู่ใกล้หรือไม่ไกลจากแหล่งชุมชนเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง และผู้ขายสินค้าต้องมีการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เช่น เฟสบุ๊ค ไลน์ หรือสื่ออื่นๆ เพื่อตอบสนองต่อลูกค้า
โครงการวิจัยย่อยที่ 2 แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการแก้ไขปัญหาเชื้อราในฝักมะขามหวาน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการหาวิธีการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราในฝักมะขามหวานในระดับห้องปฏิบัติการ ของมะขามหวานพันธุ์ประกายทอง (ตาแป๊ะ) และพันธุ์ขันตรี ระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 โดยทำการเก็บตัวอย่าง ณ แปลงมะขามหวานของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวาน ในหมู่ที่ 8 ตำบลระวิง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ จากผลการทดลองพบว่า เชื้อราอิงอาศัยและเชื้อราในฝักมะขามหวานบนอาหาร PDA ผลการแยกเชื้อ สามารถแยกเชื้อราได้ทั้งหมด 62 ไอโซเลต สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของสารแอมโมเนียมอะซิเตด (C2H7NO2) แมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgCO3) และ ยิปซัม (CaSO4·2H2O) ที่ระดับความเข้มข้นแตกต่างกันต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อราของฝักมะขาม จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า การใช้สารแอมโมเนียมอะซิเตด (C2H7NO2) และแมกนีเซียมคาร์บอเนต (MgCO3) ที่ระดับความเข้มข้น 3 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อราของฝักมะขามบางชนิดได้สูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยิปซัมส่งผลให้การเจริญเติบโตของเชื้อราเพิ่มสูงขึ้นในบางชนิด เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุมที่ไม่ได้เติมสาร
โครงการวิจัยย่อยที่ 3 การพัฒนาหลักสูตรฝึกอาชีพระยะสั้นสำหรับเกษตรกรเพื่อการเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน และ 2) เพื่อประเมินประสิทธิผลของการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวาน บ้านซับชมภู หมู่ 8 ตำบลระวิง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 10 คน ซึ่งได้มาโดยเลือกจากการสมัครใจ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t – test for One Sample)
ผลงานวิจัย พบว่า
1. ผลการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน พบว่า หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นฯ มีคะแนนเฉลี่ยรวม เท่ากับ 4.17 อยู่ในระดับ มีความเหมาะสมมาก เป็นไปตามเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมของหลักสูตรฝึกอบรมฯ ที่ตั้งไว้
2. ผลการประเมินประสิทธิผลของหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน มีดังนี้
2.1 ความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวานของเกษตรกร หลังการอบรมโดยใช้หลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นฯ อยู่ในระดับมาก
2.2 คะแนนเฉลี่ยความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวานของเกษตรกรที่ได้รับการฝึกอบรมด้วยหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นฯ สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
2.3 เกษตรกรมีความพึงพอใจต่อการฝึกอบรมด้วยหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นสำหรับเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านมาตรฐานการเพาะปลูกและการจัดการตลาดมะขามหวาน อยู่ในระดับมาก
โครงการวิจัยย่อยที่ 4 การพัฒนาผลิตภัณฑ์มะขามหวานผงชงดื่มด้วยเทคนิคการทำแห้งแบบพ่นฝอยแบบมีส่วนร่วมกับชุมชนผู้ปลูกมะขามหวานบ้านซับชมภู งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แปรรรูปจากมะขามด้วยเทคโนโลยีการทำให้เป็นผงเพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาและการขนส่ง กระบวนการผลิตมะขามผงแบบเทคนิคการทำแห้งแบบพ่นฝอย โดย การต้มมะขามหวานที่แกะเปลือกแล้วปริมาณ 1 กิโลกรัม นำไปต้อมกับน้ำปริมาตร 2 ลิตร จากนั้นนำมากรองด้วยตะแกรง และเติมปริมาณของมอลโทเดกทรินซ์ 18 เปอร์เซ็นต์ (w/v) เมื่อส่วนผสมละลายแล้ว นำไปทำแห้งด้วยเครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย กำหนดอุณหภูมิลมเข้า 175 องศาเซลเซียส ใช้ความดัน 2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร อุณหภูมิขาออก 85 องศาเซลเซียส และอัตราการไหลของสาร 40 มิลลิลิตรต่อนาที ที่มีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระ DPPH ที่ IC50 เท่ากับ 26.12 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร และประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระ ABTS 17.34 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร โดยเปรียบเทียบกับสารมาตรฐานกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) และมีปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมด น้อยกว่า 10,000 โคโลนีต่อตัวอย่าง 1 กรัม และปริมาณของยีสต์และรา น้อยกว่า 100 โคโลนีต่อตัวอย่าง 1 กรัม
โครงการวิจัยย่อยที่ 5 การศึกษาวิธีการสกัดและประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชสมุนไพรที่มีต่อระยะการเติบโตของเชื้อราก่อโรคฝักเน่าในมะขามหวาน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา เช่น เปลือกมังคุด ผลหมาก และก้านอบเชย พบว่าสารสกัดจากผลหมากความเข้มข้นร้อยละ 2 ที่ปริมาตร 20 มิลลิลิตร ในอาหารเลี้ยงเชื้อ PDA ปริมาตร 70 มิลลิลิตร มีประสิทธิภาพการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราก่อโรคเน่าของมะขามหวานได้นานที่สุดที่ 72 ชั่วโมง โดยมีวิธีการเตรียมสารสกัด ดังต่อไปนี้นำตัวทำละลายเมทานอลที่อัตราส่วนพืชต่อตัวทำละลาย 1:20 (w/v) แช่ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 7 วัน นำมากรองแล้วระเหยตัวทำละลายเมทานอลด้วยเครื่องระเหยสุญญากาศ นำสารสกัดที่ได้มาละลายด้วยตัวทำละลายน้ำที่ความเข้าข้นของสารสกัดที่ร้อยละ 2 จากนั้นนำไปผสมกับอาหารเลี้ยงเชื้อ PDA ที่ปริมาตร 10, 20, 30 และ 40มิลลิตร เมื่ออาหารเลี้ยงเชื้อแข็งตัวแล้วให้นำเชื้อราที่ความเข้าข้น 10-7 streak plate ให้ทั่วอาหารเลี้ยงเชื้อ จากนั้นนำไปเข้าตู้บ่มเชื้อที่อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 48 และ 72 ชั่วโมง
Sub Project 1: Creating Effective Marketing Strategies and Processes for Sweet Tamarind Growers to Increase Competitiveness. The purpose of this research was to study 1) Study consumer decision-making behavior to buy tamarind online and 2) Study marketing communication strategies affecting consumers' decision to buy tamarind online. The sample is 400 consumers who bought tamarind were calculated from a sample of Taro Yamane's formula. Data were collected using an online questionnaire as a tool for collecting questionnaires. The statistics used in this data analysis were using the SPSS program to analyze the frequency (Frequency), Percentage, Mean and Standard Deviation.
The results of the research revealed that (1) most of the respondents were female, aged between 28-32 years old, most of whom were civil servants/state enterprises; It was found that consumers access the internet 6-10 times a week. The duration of using the internet is 1-3 hours per time. Access internet service during 16.01-20.00 hrs. In terms of entertainment with Facebook, Tik-tok, line, Website channels to buy products (3) Opinions on consumer online marketing communication strategies, it was found that consumers valued the most in all 3 aspects: trust strategy Trust Strategy attraction strategy and product strategies must be quality, branded, nutrition facts labeled. There was a product review product in the store were new products. There was a clear price tag. The location of the store should be near or not far from the community for easy access and product sellers must advertise through various media such as Facebook, Line or other media to respond to customers.
Sub Project 2: The purpose of this research was to study the method of increasing production efficiency on growth rate inhibition of fungal in ripe pods of Tamarindus indica L. at the laboratory level. of sweet tamarind varieties Prakaithong (Tapae) and Khantri varieties Between April 2022 and March 2023. Samples were collected at the sweet tamarind plots of the group of sweet tamarind farmers in Moo 8, Rawing Sub-district, Mueang Phetchabun District. Phetchabun Province. The experimental results found that Epiphytic fungi and fungi of ripe pods of T. indica L. on PDA media. Isolation results. There were 62 isolates of the fungi were isolated. The fungi of fungi of ripe pods of T. indica L. in Phetchabun Province were Aspergillus sp. Curvularia sp. Penicillium sp. and Phomopsis sp. Different concentrations of ammonium acetate (C2H7NO2), magnesium carbonate (MgCO3) and gypsum (CaSO4 2H2O) at on the inhibition of fungal growth of tamarind pods were investigated. The study found that ammonium acetate (C2H7NO2) and magnesium carbonate (MgCO3) at 3% (w/v) inhibited fungal growth of some tamarind pods up to 100%. While gypsum resulted in fungal growth increased fungal growth in some species were compared with control.
Sub Project 3: The Development Vocational Training Courses for Farmers to Increase Capacity in the Standard of Cultivation and Management of Sweet Tamarind Market. The objectives of this research were to (1) develop a short-term training course for farmers to increase their competence in cultivation standards and market management for sweet tamarind; and (2) evaluate the effectiveness of the development of a short-term training course for farmers. The sample used was a group of 10 sweet tamarind growers at Ban Subchomphu, Moo 8, Rawing Sub-district, Mueang District, Phetchabun Province, which were voluntarily selected. The employed research instruments comprised (1) the short-term training course for farmers; (2) an evaluation form of the competence in cultivation standards and market management for sweet tamarind; and (3) the satisfaction assessment form. Statistics of data analysis were mean, standard deviation and t-test.
Research findings showed that
1. The result of the development of a short-term training course for farmers was found that a total average score of 4.17. It is in a very appropriate level and accordance with the criteria for considering the suitability of the training course set.
2. The results of the evaluation of the effectiveness of a short-term training course for farmers were as follows:
2.1 The farmers' competency in cultivation standards and sweet tamarind market management after training by using a short-term training course for farmers at a high level.
2.2 The average scores of the farmers who were trained in the cultivation and market management standards of sweet tamarind by the short-term training course for farmers were higher than the criteria of 80 percent with statistical significance at the 0.05 level.
2.3 The farmers were satisfied with the short-term training courses at a high level.
Sub Project 4: Development of Instant Beverage from Sweet Tamarind by Community Participation Process on Spray Drying Production. The purpose of this research was to add value to processed tamarind products by spray drying technology for convenience in storage and transportation. Production process of tamarind powder using spray drying technique by boiling 1 kilogram of peeled sweet tamarind in 2 liters of water, then filtered through a sieve and added 18% of maltodextrin. When the mixture is dissolved, it is dried by a spray dryer. The inlet temperature was 175 °C, the pressure was 2 kg/cm2, the outlet temperature was 85 °C and the flow rate was 40 ml/min with the DPPH antioxidant efficiency at IC50 of 26.12 μg/ml and the antioxidant efficiency ABTS at IC50 of 17.34 μg./ml by comparison with the ascorbic acid standard and the total microbial content was less than 10,000 colonies per 1 g of sample and the yeast and mold content was less than 100 colonies per 1 g of sample.
Sub Project 5: The Study of Extraction Method and Efficiency of Herb Crude Extracts to Inhibit the Growth of Fruit rot in Sweet Tamarind. The purpose of this research was to study one way to find solutions to fungal diseases in tamarind. Plants with reported inhibition of fungal growth such as mangosteen peel, Areca catechu and cinnamon sticks. It was found that 2% concentration of betel nut extract at a volume of 20 ml in 70 ml of PDA medium was effective in inhibiting the growth of rot pathogenic fungi of sweet tamarind for the longest time at 72 hours. Extract preparation method with methanol solvent at plant to solvent ratio 1:20 (w/v). Soak at room temperature for 7 days. The methanol solvent was filtered and evaporated by a vacuum evaporator. The crude extract was then dissolved with aqueous solvent at a concentration of 2% crude extract. Then, 10, 20, 30 and 40 ml of crude extract mixed with PDA agar medium. Inhibition test of sweet tamarind rot disease at concentration 10-7 by food poisoning method. Incubated at 38 °C for 24, 48 and 72 hours.
|
|---|
| คำสำคัญ |
กลยุทธ์การตลาด,เกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวาน,ความสามารถในการแข่งขัน,เชื้อรา,ฝักมะขาม,Marketing strategy,Sweet tamarind,Farmers,Competitiveness,Fungi,Tamarind pods
|
|---|
