รายละเอียดข้อมูลโครงการวิจัย
รหัสโครงการวิจัย
RDI-CBT-03/64
ปีงบประมาณ
2564
ประเภทโครงการ
โครงการวิจัยเดี่ยว
ประเภททุน
แหล่งทุนภายนอก (ทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ 2564)
ชื่อโครงการวิจัย
การพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนตามเส้นทางวิถีสายน้ำ บนฐานประวัติศาสตร์วัฒนธรรมอัตลักษณ์ท้องถิ่นของชุมชน เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือ
ชื่อโครงการวิจัย (EN)
Developing the potential of community-based tourism along the waterways on a historic base Local identity culture of the community by The Northern Rajabhat University Network Phetchabun Province.
นักวิจัย
คณะ/หน่วยงาน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและพัฒนาช่องทางการตลาดการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายในชุมชนไทหล่มและชุมชนของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ 2) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ทั้งด้านมูลค่าและคุณค่าบนฐานอัตลักษณ์ของชุมชนไทหล่มและชุมชนของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ และ 3) เพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนต้นแบบการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนและภาคีเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาประกอบไปด้วยผู้นำชุมชน ประธานกลุ่ม/ชมรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปราชญ์ชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตัวแทนประชาชนขนาดของกลุ่มตัวอย่างวิจัยจำนวน 400 คน ใช้วิธีคัดเลือกตามตารางสูตรเครซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีดังนี้ 1) แบบสอบถามข้อมูล based line data 2) แบบสอบถามพฤติกรรมนักท่องเที่ยว 3) แบบสัมภาษณ์ 4) แบบการสนทนากลุ่ม (Focus Group) 5) ข้อมูลการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน (มผช.) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1)ผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเพศหญิงมีจำนวน 213 คน คิดเป็นร้อยละ 53.3 เพศชาย จำนวน 187 คน คิดเป็นร้อยละ 46.7 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีวัตถประสงค์ในการท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ คิดเป็นร้อยละ 36.0 ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนจากเฟสบุ๊ค (Facebook) มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.0 ให้ความสนใจและต้องการเข้าร่วมกับกิจกรรมงานทอผ้า เขียนลายผ้า มัดย้อม คิดเป็นร้อยละ 16.5 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว คิดเป็นร้อยละ 75.5 ให้ความสำคัญกับความสะอาดและปลอดภัยด้านสุขอนามัยระหว่างการท่องเที่ยวท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คิดเป็นร้อยละ 23.8
 
ผล based line data หลังสิ้นสุดโครงการ ดังนี้ มีชุมชนเป้าหมาย จำนวน 1 ชุมชน คิดเป็น ร้อยละ 10 ได้นำความรู้จากโครงการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยมีแผนธุรกิจได้จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจของชุมชนบ้านหวาย มีแหล่งเรียนรู้ที่มีศักยภาพด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวน 6 แห่ง มีผลิตภัณ์ทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้รับมาตรฐานการรับรองจาก มผช. แล้ว มีโฮมสเตย์ที่ได้รับมาตรฐานแล้ว จำนวน 1 หลัง มีของ ที่ระลึกที่ได้รับมาตรฐานแล้ว จำนวน 4 ชิ้น มีนักการตลาดที่มีศักยภาพในการสื่อสารทางการท่องเที่ยว จำนวน 2 คน และมีนักสื่อความหมายในชุมชนที่มีศักยภาพในการบอกเล่าเรื่องราวของชุมชน จำนวน 3 คน


The current study aimed 1) to construct and develop community-based tourism marketing channels to entice numerous target tourists to visit the Tai Lom communities and other Phetchabun Rajabhat University-researched communities, 2) to produce community-based tourism goods that are affordable, creative, and valuable, based on the identities of Tai Lom communities and other Phetchabun Rajabhat University-researched communities, and 3) to expand the community's potential as a model for community-based tourism management and Phetchabun Rajabhat University's sustainable development network.
 
The study's population included community leaders, tourism group chairmen, local sages, and representatives from community enterprises. The sample size was 400 participants, according to the Krejcie and Morgan table. Furthermore, the study's instruments included 1) baseline data, 2) a questionnaire of tourists' travel behaviors, 3) an interview, 4) a focus group, and 5) certified community product upgrading information. Meanwhile, the data was analyzed using percentages, mean values, and standard deviation. The findings revealed that: 1) the majority of respondents were female, 213 or 53.3 percent, with 187 or 46.7 percent being male. The majority of respondents intended to go for leisure to community-based tourism destinations (36 percent). Facebook was the top source of community-based tourism information (52 percent). Weaving, cloth pattern design, and tie-dyeing were the most interesting and engaging activities (16.5 percent). The majority of responders said the COVID-19 epidemic had an impact on their travel plans (75.5 percent). It was critical to maintain cleanliness and hygiene while travelling during the COVID-19 epidemic (23.8 percent).
 
After the research project completed, the outcomes of based line data were as follows: One target community, or 10%, had applied research project information to tourism management with a business plan, the Ban Wai Community Enterprise Group was established, six communities had learning centers with tourism management potential, four creative community-based tourism products were certified by the Thai Industrial Standards Institute (TISI), one standard homestay was certified, four souvenirs were certified, two marketers were potential in tourism communication, and Three community communicators had the potential to tell the story of the community.
คำสำคัญ
การท่องเที่ยวโดยชุมชน,วิถีสายน้ำ,ประวัติศาสตร์,อัตลักษณ์ท้องถิ่น,Community-based tourism,River Way of Life,History,Local Identity
สถานะโครงการ
ดำเนินการเสร็จสิ้น
บทคัดย่อ
ดาวน์โหลด เปิด : 33 ครั้ง
เล่มรายงาน
ดาวน์โหลด เปิด : 46 ครั้ง:
เปิดดู
345 ครั้ง
หมายเหตุ
ทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ 2564 ภายใต้แผนงานการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยว โดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาพื้นที่บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่น ปีที่ 2

เอกสารเพิ่มเติม
แสดง 1 ถึง 1 จาก 1 ผลลัพธ์
#ไฟล์เอกสารรายละเอียด
1 Ebook-เที่ยววิถีไทหล่มชมผ้าทอ  (โหลด : 60 ครั้ง)