รายละเอียดข้อมูลโครงการวิจัย
รหัสโครงการวิจัย
ปีงบประมาณ
2564
ประเภทโครงการ
โครงการวิจัยเดี่ยว
ประเภททุน
ทุนภายในคณะ
ชื่อโครงการวิจัย
กระบวนการเสริมสร้างคุณลักษณะเยาวชนนักกฎหมายต้นแบบ
ชื่อโครงการวิจัย (EN)
The Strengthening Process of the Role Model Youth Lawyer
นักวิจัย
คณะ/หน่วยงาน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณในเรื่องการทำแบบสอบถามเพื่อวัดระดับความเข้าใจเบื้องต้นของกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมปลายจำนวน 50 คน เพื่อทราบถึงความรู้พื้นฐานในเรื่องเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบประเมิน, แบบสอบถามและการสัมภาสเชิงลึก โดยมีการวิเคราะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window สถิติในการวิเคราะห์ได้แก่ การหาค่าร้อยละ (Percentage) การหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบเนื้อหาในการอบรมให้ความรู้กับกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมปลายเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบประเมิน, แบบสอบถาม โดยมีการวิเคราะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window สถิติในการวิเคราะห์ได้แก่ การหาค่าร้อยละ (Percentage) การหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และเป็นการวิจัยคุณภาพ วิจัยเอกสาร รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการสร้างเนื้อหาที่ใช้ในการบรรยายให้กับนักเรียนระดับมัธยมปลายเพื่อให้เกิดองค์ความรู้ มีความเข้าใจในเรื่องการเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของนักกฎหมายตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย
 
จากนั้นจึงทำการทดสอบระดับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของนักกฎหมาย หลังจากได้รับการอบรมผลปรากฏว่า นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในระดับที่มากขึ้น อันถือเป็นการบรรลุวัตถุประสงค์ของงานวิจัยที่มุ่งสร้างและพัฒนาเยาวชนให้กลายเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ในเรื่องการเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของนักกฎหมาย โดยใช้เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบประเมิน, แบบสอบถาม โดยมีการวิเคราะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม SPSS for Window สถิติในการวิเคราะห์ได้แก่ การหาค่าร้อยละ (Percentage) การหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการหาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
 
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเพศหญิงมากที่สุด จำนวน 28 คน (56.0%) อายุระหว่าง 17-18 ปี มากที่สุด จำนวน 48 คน (96.09%) ผลการวิเคราะห์จากแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของนักกฎหมายการในหัวข้อ มีความเที่ยงธรรม ไม่ลำเอียง พิจารณาข้อเท็จจริงโดยปราศจากอคติ มากที่สุด มีค่าความจริงอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยคือ 4.65 ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีมากอยู่แล้ว หลังจากได้รับการอบรมแล้วทำให้มีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นอีกซึ่งมีค่าเฉลี่ยคือ 4.95 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.30 ในหัวข้อ หมั่นฝึกฝนตนเองให้สม่ำเสมอ ทั้งความรู้ด้านสารบัญญัติ และ สบัญญัติ ก่อนได้รับการอบรมค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยคือ 4.53 หลังจากได้รับการอบรมแล้วค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.87 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.34 ในหัวข้อ นักกฎหมายที่ดีคืออีกหนึ่งกลไกที่จะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.50 หลังจากได้รับการอบรมแล้วค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.87 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.37 ในหัวข้อ นักกฎหมายที่ดีควรมีความรู้และรู้เท่าทันเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.43 หลังจากได้รับการอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.61 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.18 ในหัวข้อ ต้องสำนึกในความยุติธรรมให้มากกว่าตัวบทกฎหมายที่บัญญัติไว้ อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.23 หลังจากที่ได้รับการอบรมค่เฉลี่ยอยู่ที่ 4.50 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.27 ในหัวข้อ นักกฎหมายที่ดีควรรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคม อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.13 หลังจากได้รับอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.57 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.44 ในหัวข้อ ศึกษากฎหมายให้ลึกซึ้ง และพยายามหาช่องโหว่ของกฎหมาย อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.10 หลังจากได้รับการอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.60 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.50 ในหัวข้อ การตีความกฎหมายใดๆ ควรตีความให้เป็นคุณกับฝ่ายที่เราต้องการให้ความช่วยเหลือเสมอ อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยคือ 4.10 หลังจากได้รับการอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.65 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.55 ในหัวข้อ ถ้าเป็นทนายต้องช่วยเหลือลูกความอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ลูกความหลุดคดีแม้ลูกความจะเป็นฝ่ายกระทำความผิดอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยคือ 3.49 หลังจากได้รับการอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.51 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.02 และเมื่อเป็นผู้รู้กฎหมายย่อมเป็นผู้ได้เปรียบกว่าผู้ที่ไม่รู้กฎหมาย อยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ยคือ 3.35 หลังจกได้รับการอบรมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.35 มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.0
 
ปัจจัยที่มีผลต่อการเรียนกฎหมายของนักศึกษาสาขาวิชานิติศาสตร์ ได้แก่ ปัจจัยด้านความพึงพอใจของตัวผู้เรียน มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.42 อยู่ในระดับมาก ด้านความรู้ความเข้าใจ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.29 อยู่ในระดับมาก ด้านการนำความรู้ไปใช้ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.42 อยู่ในระดับมาก
 
ผลจากการวิเคราะห์แบบสอบถามจึงสรุปได้ว่าหลังจากที่นักเรียนได้รับการอบรม มีระดับความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเป็นนักกฎหมายต้นแบบที่ดี ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของนักกฎหมาย อยู่ในระดับที่มากขึ้นในทุกๆด้าน ตามแบบสอบถาม


This Mixed Methodology Research purposed to study impact factors, influencing to the education of Law Students. The research objectives were, first, to study the realization on the participatory learning of Law Students; and second, to analyze problems in the classroom for instructional management development. Three factors were analyzed – student factor, instructional factor, and social and institutional support. 55 Samples were random-selected from Laws students. Research instruments were Five-scales rating scale questionnaire, interview form, and in-dept interview. SPSS for Window application was used to evaluate data into Percentage, Mean, and Standard Deviation.
 
Research result are as follow: Almost samples’ sex were female ( f = 32, P = 58.10) and almost samples’ age were below 20 ( f = 38, P = 69.09). The influencing factors to the education of Law Students were; students’ satisfaction were interpreted as ‘satisfaction’ ( x̄ = 4.42); students’ understanding were interpreted as ‘satisfaction’ ( x̄ = 4.29); and the application of knowledge were interpreted as ‘satisfaction’ ( x̄ = 4.42). The opened-end questionnaire analysis revealed; most of students realize the participatory learning; almost student need to apply the participatory learning pattern into the instructional management for invigorate the participatory skill of the students; almost students need the application in the group activities.
 
Result of the in-dept interview; After the training found that students have more understanding. Population of the research were 28 females (p = 56.0), 48 population (p = 96.09) was 17 – 18 years old. In the estimation of the role model lawyer. The most increased of the understanding score between a pre-test and post-test was a topic ‘a lawyer should help their clients with all of his capability and Secondly, ‘to know law has a more advantage with the not-know’ which the least changing score of understanding was ‘the good lawyer should be catch up with technology’. By these reasons, Laws students realized the important of the adaptation and application of participatory learning into the class-room for their self-interest. Factors affecting the decision to learn the Law were ‘self-satisfaction (x̄ = 4.42), ‘the understanding of law’ (x̄ = 4.29), and ‘the implement of law’ (4.42)
คำสำคัญ
สถานะโครงการ
ดำเนินการเสร็จสิ้น
บทคัดย่อ
ดาวน์โหลด เปิด : 22 ครั้ง
เล่มรายงาน
ดาวน์โหลด เปิด : 36 ครั้ง:
เปิดดู
524 ครั้ง
หมายเหตุ