| บทคัดย่อ |
งานวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพนวัตกรรมเรื่องการอ่านคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทยสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนความร่วมมือเครือข่ายทางวิชาการ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้นวัตกรรมเรื่องการอ่านคิดวิเคราะห์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนความร่วมมือเครือข่ายทางวิชาการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร จำนวน 76 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทย และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน
ผลการศึกษา พบว่า แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทย ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 82.21/82.37 และนักเรียนที่ใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
The purposes of this research were to: 1) develop and investigate the efficiency of Thai Language analytical reading skill exercises for Mathayomsuksa Five Students, affiliated in the Academic Cooperation Network 2) compare student’s Thai Language analytical reading achievement before and after using the exercises. The sample consisted of 76 Mathayom five students of Taphanhin School, Taphanhin District, Pichit Province. The instruments used for gathering the data were 1) analytical reading skill exercises and 2) an achievement test, used as a pretest and posttest. The data were analyzed by the statistical means, standard deviation, t-test dependent.
The results of this research were 1) the average formative score of the exercises was 82.21 percent, and the average summative test score was 82.37 and 2) the students Thai Language analytical reading skill after learning by using analytical reading skills exercise was significantly higher than that before at .05 level of statistical significance.
|
|---|
