| บทคัดย่อ |
งานวิจัยนี้นาเสนอการศึกษาการยอมรับและการใช้เทคโนโลยีของกลุ่มธุรกิจ Startup ในประเทศไทยด้วยแนวคิด UTAUT โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ส่งผลต่อการยอมรับการใช้เทคโนโลยีทางการตลาดของกลุ่มธุรกิจ Startup ในประเทศไทยด้วยแนวคิด UTAUT และ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของตัวแปรด้านประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการยอมรับการใช้เทคโนโลยีทางการตลาดของกลุ่มธุรกิจ Startup ในประเทศไทย
วิธีการดาเนินการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยทาการศึกษาและสังเคราะห์รูปแบบของปัญหา ศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อหาตัวแปรและช่องว่างของงานวิจัย และนามาพัฒนาแบบสอบถามโดยใช้แบบสอบถามออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Google form เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Line และ Facebook แล้วนามาวิเคราะห์ผลทางสถิติด้วยโปรแกรม SPSS ในการหาค่าแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อทาการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น และทาการวิเคราะห์เพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ (Regression analysis) โดยทาการวิเคราะห์ความแปรปรวนและการวิเคราะห์เส้นทางแบบ Path analysis
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย (Sample size) คือ กลุ่มประชากรที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่มีพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีในการซื้อสินค้าและบริการจานวน 410 คน จากการตอบกลับทั้งหมด 423 คน
ผลการวิจัย พบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 423 คน สามารถใช้ข้อมูลได้ 410 คน มีเพศชาย184 คน คิดเป็นร้อยละ 44.90 และเพศหญิง 226 คน คิดเป็นร้อยละ 55.10 ซึ่งมากกว่าเพศชาย ผู้ตอบส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20 – 30 ปี 187 คน คิดเป็นร้อยละ 45.60 ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน 152 คน คิดเป็นร้อยละ 37.10 มีการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นส่วนใหญ่ 254 คน คิดเป็นร้อยละ 62.00 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ากว่า 10,000 บาท 143 คน คิดเป็นร้อยละ 34.90 เขตที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ 174 คน คิดเป็นร้อยละ 42.40 ส่วนใหญ่ใช้ Application ในการซื้อสินค้าผ่าน Shopee 178 คน คิดเป็นร้อยละ 43.40
ด้านปัจจัยการยอมรับและการใช้เทคโนโลยี พบว่า ปัจจัยความคาดหวังในความพยายาม มีค่าเฉลี่ย 3.83 อยู่ในระดับมาก ความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ มีค่าเฉลี่ย 3.74 อยู่ในระดับมาก ความตั้งใจในการใช้เทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ย 3.66 อยู่ในระดับมาก การใช้งานเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ย 3.55 อยู่ในระดับมาก เงื่อนไขสิ่งอานวยความสะดวกในการใช้งาน มีค่าเฉลี่ย 3.54 อยู่ในระดับมาก การรับรู้ความเสี่ยง มีค่าเฉลี่ย 3.37 อยู่ในระดับปานกลาง ความไว้วางใจ มีค่าเฉลี่ย 3.32 อยู่ในระดับปานกลาง และสุดท้าย อิทธิพลทางสังคม มีค่าเฉลี่ย 3.30 อยู่ในระดับปานกลาง
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ส่งผลต่อการยอมรับและการใช้เทคโนโลยีของกลุ่มธุรกิจ Startup ในประเทศไทย พบว่า ความคาดหวังด้านประสิทธิภาพ (PE) ความไว้งางใจ (Trust) ความคาดหวังในความพยายาม (EE) การรับรู้ความเสี่ยง (PR) และอิทธิพลทางสังคม (SI) มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความตั้งใจในการใช้เทคโนโลยี (BI) โดยอธิบายได้จากสมการ BI = 0.135 + 0.242PE + 0.310Trust + 0.197EE + 0.120PR + 0.131SI สามารถอธิบายได้ 71.1% อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ 0.001 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน H1, H2 H3, H4 และ H5 และพบว่า ความตั้งใจในการใช้เทคโนโลยี (BI) และ เงื่อนไขสิ่งอานวยความสะดวก (FC) มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการใช้เทคโนโลยี (UB) โดยอธิบายได้จากสมการ UB = 0.310 + 0.530BI + 0.367FC สามารถอธิบายได้ 70.1% อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ 0.001 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน H6 และ H7
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรด้านประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการยอมรับการใช้เทคโนโลยี พบว่า การศึกษา และ เพศ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความตั้งใจใช้เทคโนโลยี (BI) โดยอธิบายได้จากสมการ BI = 2.801 + 0.280ED + 0.216SEX สามารถอธิบายได้ 7.6% อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ 0.05 และยังพบว่า การศึกษา และ เพศ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการใช้เทคโนโลยี (UB) โดยอธิบายได้จากสมการ UB = 2.831 + 0.236ED + 0.179SEX สามารถอธิบายได้ 5.4% อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ 0.05
This research presents a study on the adoption and use of technology by startup businesses in Thailand with the concept of UTAUT, with two objectives: 1) To study the relationship of variables affecting the adoption of marketing technology among Startup businesses in Thailand with the concept of UTAUT, and 2) to study the relationship of demographic variables affecting the adoption of marketing technology among startups in Thailand.
The method of conducting research is quantitative research. Study and synthesize the pattern of the problem, study the theory and related research to find variables and gaps in research, and used to develop questionnaires using online questionnaires on the Google form platform to collect data in online forms via Line and Facebook applications, to analyze the statistical results by using SPSS program to find the frequency distribution, percentage, mean, and standard deviation to perform preliminary data analysis. An analysis was performed to determine the relationship of the variables by variance analysis and path analysis.
The sample size used in the research was a population aged 20 years and over with a behavior of using technology to purchase goods and services of 410 people from a total of 423 responses.
The results of the research found that there were 423 respondents who were able to use the data, 410 people, 184 males representing 44.90% and 226 females representing 55.10%, which was more than males. Most of the respondents were between 20 - 30 years old, 187 people, 45.60%. Most of them are employees of private companies, 152 people, representing 37.10%. Most had a bachelor's degree, 254 people, representing 62.00%. The average monthly income is less than 10,000 baht, 143 people, or 34.90%. Most of the residential areas were in the North, 174 people, or 42.40%. Most of them use applications to shop through Shopee, 178 people, representing 43.40%.
In terms of the acceptance and use of technology found that, the effort expectation factor was averaged 3.83 at a high level. Performance expectations were averaged 3.74, very high. The intention of using the technology was an average of 3.66 at a high level. Technology usage averaged 3.55, very high level. Conditions of use of facilities were averaged 3.54, at a high level. The perceived risk was an average of 3.37 at a moderate level. Trust has an average of 3.32 which is moderate. Finally, the social influence has an average of 3.30 at a moderate level.
An analysis of the relationship of factors affecting the adoption and use of technology among startup businesses in Thailand found that, performance expectations (PE), trust (Trust), effort expectations (EE), perceived risk (PR), and social influence (SI) have a positive influence on the behavioral intention (BI) to use the technology. Described from the BI equation = 0.135 + 0.242PE + 0.310Trust + 0.197EE + 0.120PR + 0.131SI, 71.1% was statistically significant at 0.001. This is based on the assumptions H1, H2, H3, H4 and H5. It was found that the behavioral intention (BI) and the facilitating condition (FC) had a positive influence on the use behavior (UB) of the technology. Described from the equation UB = 0.310 + 0.530BI + 0.367FC, 70.1% is statistically significant at 0.001, which satisfies the hypothesis H6 and H7.
An analysis of the correlation of demographic variables affecting technology adoption found that education and gender had a positive influence on behavioral intention (BI) to use technology. Described from the equation BI = 2.801 + 0.280ED + 0.216SEX, 7.6% was statistically significant at 0.05. They also found that education and gender had a positive influence on the use behavior (UB) of technology. This is explained by the equation UB = 2.831 + 0.236ED + 0.179SEX, 5.4% is statistically significant at 0.05.
|
|---|
