| บทคัดย่อ |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรสะเต็มศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและการใช้ทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดำเนินการวิจัยโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างและหาประสิทธิผลของหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมและนำหลักสูตรไปทดลองนำร่อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ขั้นตอนที่ 2 หาประสิทธิภาพหลักสูตรสะเต็มศึกษาโดยการทดสอบระหว่างเรียน E1และทดสอบหลังเรียน E2 ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้หลักสูตรกับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์เขต 2 จำนวน 70 คนได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง ใช้เวลาทดลอง 16 ชั่วโมงโดยประยุกต์ใช้กิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา ซึ่งมีลำดับกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งหมด 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 สร้างสถานการณ์ ขั้นที่ 2 เชื่อมโยง ขั้นที่ 3 สร้างแบบจำลอง ขั้นที่ 4 แก้ปัญหา/ทำงานเป็นทีม ขั้นที่ 5 ทดสอบ ขั้นที่ 6 สื่อสารและขั้นตอนที่ 4ประเมินผลหลักสูตรสะเต็มศึกษา โดยสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนและสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อหลักสูตร การวิเคราะห์ เชิงปริมาณใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า (t-test) ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร พบว่า หลักสูตรสะเต็มศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและการใช้ทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ค่าดัชนีประสิทธิผล เท่ากับ 0.710 หรือคิดเป็นร้อยละ 71.00 แสดงว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าทางพัฒนาการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด คือ ร้อยละ 50 หรือค่าดัชนีประสิทธิผลมากกว่า 0.50 ขึ้นไป แสดงว่าหลักสูตรมีความเหมาะสมสามารถนำไปใช้ได้จริง
2.ผลการหาค่าประสิทธิภาพของของหลักสูตร พบว่ากระบวนการ E1 = 82.92และมีค่าประสิทธิภาพ E2 = 92.00 นั่นคือการพัฒนาหลักสูตรสะเต็มศึกษา มีค่าประสิทธิภาพ 82.92/92.00
3. ผลการทดลองใช้หลักสูตรสะเต็มศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและการใช้ทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลการทดลองดังนี้
3.1 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้หลักสูตรสะเต็มศึกษา พบว่า การทดสอบหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 17.86 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 89.29 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเกณฑ์กับคะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนพบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.2 นักเรียนที่ได้รับการใช้หลักสูตรสะเต็มศึกษามีทักษะด้านการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและการใช้ทักษะชีวิตหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.3 ผลการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรสะเต็มศึกษาเพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณและการใช้ทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เมื่อเทียบกับเกณฑ์มีค่าเท่ากับ 70/70 พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 13.54 คะแนน และ 17.86 คะแนน ตามลำดับและเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินหลักสูตร พบว่า นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ของหลักสูตรในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.56 ,S.D.=0.63) โดยเห็นว่านักเรียนสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ กิจกรรมของหลักสูตรช่วยทำให้นักเรียนมีความมั่นใจ กล้าคิด กล้าแสดงออก นักเรียนชอบที่ได้สะท้อนการเรียนรู้โดยการแลกเปลี่ยน ชอบที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
This study has the purpose which develops for educated STEM curriculum encouraging for the problem solving skills intelligently, and the way of life skills for elementary school students. The procedures of this study have used and developed with fourth steps, firstly, creating and finding the effectiveness of the curriculum by experts examining the suitability and bring the course to a pilot experiment to study the feasibility. Secondly,finding the efficiency STEM curriculum testing during study E1 and with testing after study E2 Third ,the trail of the curriculum with the sample group, which is a grade 6 student, Khao Kor kindergarten school (Charoen thong nim wittaya), Khao Kor district, Phetchabun province which is under the Phetchabun primary educational service area office 2, including 70 students with the purposive sampling within the 16 hours .The instruction was applied by using activity approach stem education instructional model;the first is creating situation;the second is connecting ; the third is to creating model ; the fourth is problem solving/team work ;the fifth is testing and the last is communicating and step 4,evaluating by evaluating the students and stakeholders opinions to wards the curriculum with evaluation form and interview.Quantitative data was analyzed with percentage,mean,standard deviation,and t-test where as qualitative data was analyzed by content analysis.The study were as follows:
Research results
The results of the construction and finding the effectiveness of the curriculum found that the educated STEM curriculum promoted critical problem solving skills and used the way of life skills for the grade 6 used to collect data in the first step including 30 people, and to calculate the effective index of 0.710 or 71.00 percent. As a results, students have had the progress of learning development, increasing by 71.00 percent, which is higher than the minimum threshold set as 50 percent or the effectiveness index is greater than 0.05 and above, shown that the curriculum is appropriate, can be used practically.
The results of the construction finding the efficiency STEM curriculum found that process E1 = 82.92 and the efficiency E2 = 92.00 the STEM curriculum efficiency 82.92/92.00
The results of using the educated STEM curriculum to enhance critical problem-solving skills and the using the way of life skills for the grade 6 students as below;
3.1) The comparison of the learning outcomes of students before and after using the educated STEM curriculum revealed that the post-test of grade 6 students with an average score of 17.86 points, equivalent to 89.29 percent, and when comparing between criteria and the post-test scores of students, found that the post-test scores of the grade 6 students were significantly higher than the criteria at the level of .01.
3.2) The students were studied by using educated STEM curriculum have the problem-solving critical skill and using life skill, resulting the post-test scores are higher than the pre –test scores at 0.1 level significantly.
3.3) The results of the educated STEM curriculum of quality in examination enhance for the problem solving skills intelligently, and the way of life skills for the grade 6 students, when compared with the criteria, it is equal to 70/70, found that pre-tests and post tests for the grade 6 students with an average score of 13.54 points and 17.86 points respectively, and when comparing between scores before and after learning, it was found that the post-test scores of students were higher than before learning at the statistical significance level .01
4) The evaluation of the curriculum found that the students had the highest level of opinions on participation in the learning activities of curriculum ( x̄ = 4.56, S. D. = 0.63), by showing that students can apply what they have learned to use in their daily lives. In addition, the activity of the curriculum helps students to become confident, brave, think, and assertive, the students like as reflect learning by exchange and learning from real practice
|
|---|
| คำสำคัญ |
การพัฒนาหลักสูตร,หลักสูตรสะเต็มศึกษา,ทักษะการแก้ปัญหาอย่างมีวิจารณญาณ การใช้ทักษะชีวิต,นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6,Development of Curriculum,Educated STEM Curriculum,Problem- Solving Skills Critically,Way of Life Skills,Grade 6 Students
|
|---|
