| บทคัดย่อ |
ภูมิหลัง ผลการวิจัยที่ผ่านมาได้รับการยืนยันแล้วว่า ผลกระทบของการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์การตั้งครรภ์ ได้แก่ ทารกแรกเกิดน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ การคลอดก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม การศึกษาส่วนใหญ่ดำเนินการในประเทศที่พัฒนาแล้ว การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความชุกของการสูบบุหรี่และการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์และเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์กับผลที่เกิดกับทารกแรกเกิด
วิธีการศึกษา รูปแบบการศึกษาเป็นการศึกษาแบบติดตามไปข้างหน้า(Prospective cohort study) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์หญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 1,274 คน และติดตามหลังคลอด ใช้สถิติ Multiple linear regression เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์กับน้ำหนักของทารกแรกเกิด
ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างหญิงตั้งครรภ์มีอายุเฉลี่ย 27.1 ปี จบมัธยมศึกษา ร้อยละ 68.5 ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงาน ร้อยละ 58.0 รายได้ของครอบครัว เฉลี่ย 12,923.2 บาทต่อเดือน อาศัยอยู่บ้านเดี่ยว ร้อยละ 92.4 ที่อยู่อาศัยไม่เกี่ยวข้องกับยาสูบ ร้อยละ 90.0 ดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ เฉลี่ย 23.0 kg/m2 อายุครรภ์ ณ วันสัมภาษณ์ เฉลี่ย 31.1 สัปดาห์ และตั้งครรภ์เป็นครรภ์ที่สอง ร้อยละ 68.2 การติดตามหลังคลอด ทารกเป็นเพศชายและเพศหญิงในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ร้อยละ 51.7 และร้อยละ 48.3 ตามลำดับ น้ำหนักแรกเกิด เฉลี่ย 3,098.0 กรัม ความชุกของการสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ ร้อยละ 0.5 และการสัมผัสบุหรี่มือสองในบ้าน ร้อยละ 50.7 บุคคลที่สูบบุหรี่ภายในบ้าน ส่วนใหญ่เป็นสามี รองลงมาเป็นพ่อของตนเองและพ่อของสามี ความถี่ของการสูบบุหรี่ของคนในบ้านจะสูบทุกวัน การสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์ในบ้านทุกวัน(adjusted mean difference = -83.3, 95%CI= -129.7 to -37.0; p=0.003) มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักของทารกแรกเกิดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อมีการควบคุมตัวแปร ดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์ การเป็นโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ อายุครรภ์เมื่อคลอดและเพศของทารก
สรุป งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงขนาดของผลกระทบของการสัมผัสบุหรี่มือสองในหญิงตั้งครรภ์ต่อน้ำหนักของทารกแรกเกิดและอัตราความชุกของการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์ที่สูง ดังนั้น ระดับชาติควรสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงขนาดปัญหาความชุกของการสัมผัสบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์ในบ้าน บุคคลที่เป็นต้นเหตุของปัญหาและผลกระทบต่างๆ เพื่อให้เกิดความตระหนักและร่วมกันป้องกันหญิงตั้งครรภ์ นอกจากนั้น สถานบริการสาธารณสุขควรจัดบริการส่งเสริมสุขภาพหญิงตั้งครรภ์โดยการให้คำแนะนำปรึกษาแก่หญิงตั้งครรภ์และคู่สมรส รวมถึงบุคคลอื่นที่อยู่ในครัวเรือนเดียวกัน
Background: There was strong evidence from several studies that second hand smoke exposure is impact on pregnancy outcomes including low birth weight, preterm delivery. Furthermore, most studies were conducted in developed countries. The present study aimed to measurement the prevalence of smoking and secondhand smoke and investigate the association between exposures to secondhand smoke during pregnancy among pregnancy women on neonatal outcome.
Methods: This study employed a prospective cohort from using the interview from the totaled 1,274 pregnant women were antenatal care in public hospitals under the Ministry of public health, Phetchabun province. Multiple linear regression was used to investigate association between exposures to secondhand smoke with the birth weight.
Results: The majority of subjects were mean age 27.1 years, high school level was 65.8%, not working status was 58.0 %, living in detached houses was 92.4%, mean household income was 12,923.2 baht per month. The housing does not involving with tobacco was 90.0 % and mean BMI was 23.0 kg/m2. The gestational age at the interview date was 31.1 weeks and the second pregnancy was 68.2 %. Majority of infants were male 51.7% .The average of birth weight was 3,098.0 gram. The prevalence of smoking during pregnancy was 0.5% and the exposure to secondhand smoke in the house was 50.7%. Smoking at home mostly was partner, followed by her father and partner's father. Frequency of smoking of people in the home was every day. The exposure to secondhand smoke during pregnancy in the home every day (adjusted mean difference = -83.3, 95% CI = -129.7 to -37.0; p = 0.003) was significantly association with birth weight after controlling with BMI before pregnancy, weight gain during pregnancy, having gestational diabetes during pregnancy, gestational age at delivery and gender of neonatal.
Conclusion: This cohort study demonstrates the impact of secondhand smoke on birth weight is strongly association and the high prevalence of secondhand smoke during pregnancy. Therefore, the national level should be public relationship to population to aware of the prevalence rate of secondhand smoke exposure in the home and source. Public health facilities should provide health promotion services for pregnancy women by giving counseling to pregnancy women and partner including other people in the same household.
|
|---|
| คำสำคัญ |
การสูบบุหรี่,การสัมผัสบุหรี่มือสอง,หญิงตั้งครรภ์,น้ำหนักทารกแรกเกิด,secondhand smoking,pregnancy,birth weight
|
|---|
