| บทคัดย่อ |
การวิจัยในครั้งนี้ได้ทำการทดสอบคุณสมบัติและผลผลิตของไคโตซานจากปูน้ำจืด 3 ชนิด คือ Larnaudia sp., Esanthephusa sp. และ Thaipotamon holthuisi โดยการตรวจสอบคุณลักษณะภายนอกของไคโตซานภายใต้กล้องจุลทรรศน์อิเลกตรอนแบบส่องกราด และการทดสอบประสิทธิภาพของ ไคโตซานในการยับยั้งการเจริญของเส้นใยราก่อโรคโคนเน่าจากเชื้อ Sclerotium sp. บนอาหารเลี้ยงเชื้อพีดีเอและในสภาพเรือนทดลอง นอกจากนี้ยังทำการทดสอบผลของการฉีดพ่นโอลิโกไคโตซานที่มีการเจริญของข้าวและคะน้า ผลการทดลองพบว่าลักษณะโครงสร้างภายนอกของไคโตซานในระดับจุลภาคโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเลกตรอนพบว่าไคโตซานที่ได้จากปูน้ำจืดชนิด Larnaudia sp. และEsanthephusa sp. มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับไคโตซานที่ได้จากปูชนิด T. holthuisi ในด้านผลผลิตของไคโตซานพบว่าไคโตซานที่ได้จากปูชนิด Larnaudia sp. มีปริมาณมากที่สุด รองลงมาคือ ไคโตซานที่ได้จากปูชนิด Esanthephusa sp. และ T. holthuisi ตามลำดับ ในการทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเส้นใยราของเชื้อ Sclerotium sp. บนอาหารสำเร็จรูปพีดีเอด้วยเทคนิค Poisoned food technique พบว่าไคโตซานที่ได้จากปูชนิด T. holthuisi สามารถยับยั้งการเจริญของเส้นใยราก่อโรคชนิดนี้ได้ดีที่สุดในวันที่ 2 หลังเริ่มการทดสอบ แล้วเมื่อนำไปทดสอบต่อในสภาพเรือนทดลองโดยทำการทดสอบการติดโรคโคนเน่าที่มีต่อข้าวและคะน้า พบว่าไคโตซานสามารถป้องกันโรคโคนเน่าสเคลอโรเทียมได้ อีกทั้งยังส่งเสริมให้ข้าวและคะน้าที่ได้รับไคโตซานมีการเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ในการเปรียบเทียบผลการฉีดพ่นสารละลายโอลิโกไคโตซานที่ใบของข้าวและคะน้า ผลการศึกษาพบว่าการฉีดโอลิโกไคโตซาน มีผลทำให้มวลชีวภาพทั้งส่วนเหนือผิวดินและใต้ผิวดินของพืชสูงกว่าชุดทดลองที่มีการฉีดพ่นด้วย ไคโตซานและไม่มีการฉีดพ่นสารใดๆ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าไคโตซานและโอลิโกไคโตซานที่สกัดจาก ปูน้ำจืดเป็นสารชีวภาพออกฤทธิ์ในกลุ่มอิลิซิเตอร์ที่สามารถส่งเสริมการเจริญของข้าวและคะน้าได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการติดโรคโคนเน่าสเคลอโรเทียมได้อีกด้วย
This research were to study the properties and yields of chitosan, which were produced from three species of freshwater crabs i.e. Larnaudia sp., Esanthephusa sp. and Thaipotamon holthuisi, investigated the morphological structure of chitosan under scanning microscope, examined their inhibitory effect on sclerotium mycelial growth both on agar plate by using poisoned food technique and in nursery level by pouring the chitosan on soil, finally monitored the effected of oligochitosan on the growth of rice and kale by spraying the oligochitosan onto the plant leaves. It was showed that morphological and microstructure of chitosan from Larnaudia sp. and Esanthephusa sp. were obviously differenced from T. holthuisi. Highest % yield of chitosan from various freshwater crabs showed that Larnaudia sp., Esanthephusasp and T. holthuisi, respectively. Inhibitory effect of these chitosans by using Potato Dextrose Agar against the growth of Sclerotium sp. found that only chitosan from T. holthuisi had effective at two day after testing. For the study in nursery level, chitosan was able to protectto sclerotium rot and enhance the growth of rice and kale. Whereas the oligochitosan, which sprayed onto rice and kale folia, increased the above and below ground biomass of plants. It showed better effectiveness than no spraying (control). Therefore, we concluded that chitosan and oligochitosan from freshwater crabs were the elicitor that can be use for the growth enhancement and protect sclerotium rot in rice and kale.
|
|---|
| คำสำคัญ |
ไคโตซาน,ปูน้ำจืด,สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช,โรคโคนเน่า,Chitosan,freshwater crab,plant growth enhancer,root rot disease
|
|---|
