| บทคัดย่อ |
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)ศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านวัฒนธรรมอาเซียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ 2)เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน 3)เพื่อทดลองใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน 4)ประเมินความพึงพอใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ที่ใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน
การดำเนินการวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยและพัฒนา (Research and Development ) มีขั้นตอนการดำเนินงาน 4 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านวัฒนธรรมอาเซียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ ประชากรได้แก่ นักศึกษา 4,520 คน กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 350 คน**** ขั้นตอนที่ 2 เพื่อสร้างและตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่านประเมินความเหมาะสมและสอดคล้องของหลักสูตร ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักศึกษา จำนวน 200 คน ขั้นตอนที่ 4 การประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงค่าความถี่(Frequency)และหาค่าร้อยละ(Percentage)การหาค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ขั้นตอนที่ 2 แบบประเมินความเหมาะสมและสอดคล้อง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ตอนที่ 3 แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และหาค่าสถิติทดสอบที ขั้นตอนที่ 4 แบบประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย (x̄) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการวิจัยพบว่า
สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัยเรื่องการพัฒนาหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านวัฒนธรรมอาเซียน ของนักศึกษามหาวิทยาลัย ราชภัฏเพชรบูรณ์
พบว่าข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามเมื่อจำแนกตามเพศ เป็นเพศชาย ร้อยละ 39.42 เพศหญิง
ร้อยละ 60.58 ชั้นปีที่ศึกษา ชั้นปีที่ 1ถึงชั้นปีที่ 3 ร้อยละ 20 ชั้นปีที่ 4 ร้อยละ 22.85 และชั้นปีที่ 5 ร้อยละ 17.15 เป็นนักศึกษาสังกัดคณะ ครุศาสตร์ ร้อยละ 35.71 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ร้อยละ 28.58 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคณะวิทยาการจัดการ ร้อยละ14.28 เทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ร้อยละ7.15 ส่วนข้อมูลประสบการณ์การเข้ารับการอบบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนเคยเข้ารับการอบรมร้อยละ 16.58 และไม่เคยร้อยละ 83.42
ด้านความต้องการเข้ารับการอบรมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนหรือมีความต้องการร้อยละ 92.00 ส่วนวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมควรเป็นลักษณะเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านวัฒนธรรมอาเซียน ร้อยละ88.57 เพื่อเปิดโอกาสให้ได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนร้อยละ 80.00 เพื่อเสริมสร้างเจตคติที่ดีเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนร้อยละ 60.00 เนื้อหาในหลักสูตรการฝึกอบรมควรมีเรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนวัฒนธรรมอาเซียนในภาพรวม ส่วนรูปแบบ/กิจกรรมการฝึกอบรมที่ต้องการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอาเซียนได้แก่การบรรยาย อภิปรายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การฝึกปฏิบัติจริงกรณีศึกษากิจกรรมเดี่ยว กลุ่ม และการเรียนรู้ด้วยตนเองจากสื่อ คู่มือ สื่อสิ่งที่นำมาใช้ในการฝึกอบรม ควรใช้การเรียนรู้จากคู่มือ เอกสารประกอบการฝึกอบรม ในด้านการวัดและประเมินผลการจัดอบรมการใช้แบบทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจ ใช้แบบสอบถามใช้แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน ระยะเวลาในการฝึกอบรมส่วนใหญ่เห็นว่า ควรใช้เวลา 3-4 วันช่วงเวลาการฝึกอบรมควรอยู่ในระหว่างการเปิดภาคเรียน
ด้านสภาพการเรียนรู้วัฒนธรรมอาเซียนของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ มีสภาพการเรียนรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.66 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.67 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านสภาพการเรียนรู้ในระดับมากที่สุดได้แก่ นักศึกษาสามารถให้ข้อมูลวัฒนธรรมอาเซียนด้านวัตถุแก่ผู้อื่นได้อย่างมั่นใจ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.06 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.97 และ นักศึกษาสามารถปฏิบัติตนเป็นผู้รักษากฎหมาย และปฏิบัติตามระเบียบประเพณีได้เป็นอย่างดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.57 นอกนั้นมีสภาพการเรียนรู้ จำนวน 19 รายการ และในระดับปานกลาง จำนวน 15 รายการ
2. ผลการสร้างและตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน พบว่าหลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน มีองค์ประกอบของหลักสูตรประกอบด้วย 8 องค์ประกอบได้แก่ 1) ความเป็นมาและความสำคัญของหลักสูตร 2) หลักการของหลักสูตร 3) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 4) เนื้อหาของหลักสูตร 5)กิจกรรมการฝึกอบรม 6)ระยะเวลา 7)สื่ออุปกรณ์ 8)การวัดและประเมินผล และตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน พบว่ามีความเหมาะสม ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( x̄ = 4.33, S.D=. 0.68 )และมีความสอดคล้องมีค่าความสอดคล้องระหว่าง 0.50-0.80
3. ผลการทดลองใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน พบว่า ผลการเปรียบเทียบความรู้ความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมอาเซียน ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ หลังการใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน สูงกว่าก่อนการใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการใช้หลักสูตรวัฒนธรรมอาเซียน สำหรับนักศึกษาครู พบว่ามีความพึงพอใจต่อหลักสูตรทั้งด้านปัจจัย ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต และ ด้านผลกระทบ ในภาพรวมระดับมาก ( x̄ = 4.27, S.D =. 0.67)
The current research study aimed to 1) examine basic information on ASEAN culture of Phetchabun Rajabhat University students, 2) to create and prove the quality of the ASEAN Culture Curriculum, 3) to try out the ASEAN culture curriculum, and 4) to evaluate the satisfaction of Phetchabun Rajabhat University students using the ASEAN Culture Curriculum.
According to research and development process, the study is classified into 4 stages: Stage 1 studying basic information on ASEAN culture of Phetchabun Rajabhat University students. The population is 4,520 students of Phetchabun Rajabhat University; the samples by random sampling are 350. Stage 2 Creating and proving the quality of the ASEAN Culture Curriculum by 5 experts in order to evaluate its suitability and consistency. Stage 3 trying out the ASEAN Culture Curriculum for Phetchabun Rajabhat University students; the sample at this stage consists of 200 students. Stage 4 evaluating the satisfaction of Phetchabun Rajabhat University students. The tools used to collect data in Stage 1 is a paper questionnaire data analysis by frequency, percentage, mean (x̄), and standard deviation (S.D.); Stage 2 is a form of suitability and consistency data analysis by mean (x̄), standard deviation (S.D.), and Index of consistency; Stage 3 a test on ASEAN culture data analysis by mean (x̄), standard deviation (S.D.), and t-test; Stage 4 a student satisfaction questionnaire toward ASEAN Culture Curriculumdata analysis by mean (x̄), and standard deviation (S.D.).
The research findings showed:
According to the research study on “the Development of ASEAN Culture Curriculum for Phetchabun Rajabhat University Students”, the results were summarized as follows:
1. According to basic information on ASEAN culture of Phetchabun Rajabhat University students, the results indicated that the majority, 60.58%, of the respondents were female, 39.42% were male; 22.85% were the fourth year students, 20% were in the 1st-to-3rd year section, and 17.15% were the fifth year students; 35.71% were the students of the Faculty of Education, 28.58% were the students of the Faculty of Humanities and Social Sciences, 14.28% were the students of the Faculty of Management and the Faculty of Science and Technology, 7.15% were the students of the Faculty of Agricultural and Industrial Technology. Meanwhile, the information about the experience of ASEAN culture trainings indicated that 83.42% never participated in any trainings but only 16.58% ever .
However, the need to attain a training on ASEAN culture was high at 92%. The purpose of the training should be to enhance the understanding of ASEAN culture was 88.57. The purpose of having an opportunity to gain knowledge and experience on ASEAN culture was 80%. The purpose of promoting good attitude on ASEAN culture was 60%. In addition, the contents outlined in the curriculum should be about basic knowledge of ASEAN culture as a whole. The required forms or training activities on ASEAN culture were lectures, group discussions, practical exercises, case studies, single and group activities and self-learning from the media. The training materials used in training always should be the manual and/or training documents. The evaluation and assessment used a test to measure knowledge; meanwhile, a questionnaire was used to evaluate the performance. Last, the most required time for training was a period of 3-4 days during the semester break.
Then, the context of learning ASEAN culture of Phetchabun Rajabhat University students leveled high (x̄ = 3.66, S.D=. 0.67). When considering each aspect, it was found that the highest level of the learning context was students were able to provide ASEAN culture information to others with confidence (x̄ = 4.06, S.D=. 0.97); students were able to behave themselves as law enforcers and to follow the rules as well. (x̄ = 4.58, S.D=. 0.57). Apart from this, there were another 19 aspects of the learning contexts—15 aspects leveled moderate.
2. The results of creating and proving the quality of ASEAN Culture Curriculum showed there were 8 components appeared in the curriculum which were 1) curriculum background, 2) curriculum principles, 3) curriculum objectives, 4) curriculum structure, 5) curriculum contents, 6) curriculum duration, 7) media and devices, and 8) evaluation and assessment. Moreover, the overall result of suitability of the curriculum by the 5 experts was high (x̄ = 4.33, S.D=. 0.68 ) and its consistency was between 0.50-0.80.
3. The results of trying out ASEAN Culture Curriculum showed the comparative study on the understanding of ASEAN Culture of Phetchabun Rajabhat University students after using the ASEAN Culture Curriculum was higher than before using the ASEAN Culture Curriculum, statistically significant at the .05 level.
4. The results of the student satisfaction toward ASEAN Culture Curriculum showed the overall level of the satisfaction with factors, process, productivity and impacts was high (x̄ = 4.27, S.D =. 0.67)
|
|---|
