| บทคัดย่อ |
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 เกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิตด้วยสื่อการสอนแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) 2. เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ 3. เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนด้วยเทคโนโลยีสื่อการสอนแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) 4. เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วยนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
วิธีการดำเนินการวิจัย ตามระเบียบวิธีวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Action Research) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. การวางแผน ((Plan) โดยผู้วิจัยได้ปรึกษาปัญหาร่วมกับครูในรายวิชาเดียวกัน โดยทำการวิเคราะห์ถึงปัญหาและสาเหตุ ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาคณิตศาสตร์ วางแผนเพื่อสร้างเครื่องมือและการใช้สื่อการสอนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เรื่อง รูปทรงเรขาคณิตสามมิติของนักเรียนชั้นประถมศึกษา แบบทดสอบความสามารถในการด้านรูปทรงเรขาคณิต 2.การลงมือปฏิบัติ (Act) ผู้วิจัยดำเนินการตามแผน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3. การสังเกต (Observe) ผู้วิจัยสังเกต บันทึก เพื่อเก็บข้อมูลรายละเอียดในระหว่างการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนด้วยเทคโนโลยีสื่อการสอนแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงาน 4. ขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflect) ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดกิจกรรมโครงการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนด้วยเทคโนโลยีสื่อการสอนแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยผู้วิจัยจะดำเนินการจัดกิจกรรมและวิเคราะห์ผลเพื่อนำไปพัฒนาในลำดับต่อไป วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
ผลลัพธ์ของงานวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลการวิเคราะห์คะแนนแบบทดสอบก่อนเข้าร่วมอบรมและหลังเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อจังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่า การนำโปรแกรมสื่อ การสอนการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิตด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยใช้โปรแกรม Python และ Alteryx มาใช้กับกลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 60 คน จากผลคะแนนการทดสอบหลังเข้าร่วมอบรม นักเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนนสูงขึ้นกว่าก่อนอบรม โดยมีค่าเฉลี่ยของ คะแนนหลังอบรม 65.33 และค่าเฉลี่ยของคะแนนก่อนเรียน 46.00 ผลการเปรียบเทียบก่อนเข้าร่วมอบรมและหลังเข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิตสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ของโรงเรียนบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่า หลังเข้าร่วมอบรมมีผลคะแนนทดสอบสูงกว่าก่อนเข้าร่วมอบรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไป ตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของข้อมูลความรู้ความเข้าใจต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิต พบว่า การเรียนด้วยโปรแกรมช่วยให้นักเรียนมองเห็นภาพที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.53 , S.D. = 2.11) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ประเด็นของแรงจูงใจที่อยู่ในระดับมาก คือ มีเนื้อหาการเรียนการสอนที่น่าสนใจ ( x̄ = 4.41, S.D. = 2.73) และมีกิจกรรมการเรียนที่พัฒนาทักษะการเรียนรู้ทางด้านรูปทรงเรขาคณิตที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ( x̄ = 4.30, S.D. = 0.46) และโปรแกรมมีความน่าสนใจ( x̄ = 4.23 , S.D. = 0.46) โดยความชัดเจนในการอธิบายเนื้อหา ( x̄ = 4.21, S.D. = 0.49) นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องรูปทรงเรขาคณิต ( x̄ = 4.13 , S.D. = 0.43) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจของครูและนักเรียนต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้เกี่ยวกับรูปทรงเรขาคณิต พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดคือประเด็นนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงในการใช้โปรแกรม Phythorn และ Alteryx ( x̄ = 4.50 , S.D. = 0.60) อยู่ในระดับมาก คือประเด็นเรื่องนักเรียนมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ ( x̄ = 4.23 , S.D. = 0.46) มีใบงานให้นักเรียนได้ฝึกทำโดยเฉพาะ ( x̄ = 4.13 , S.D. = 0.43) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถามในเรื่องที่ไม่เข้าใจ ( x̄ = 4.11, S.D. = 0.49) และกิจกรรมการเรียนรู้มีความเหมาะสมกับวัยของนักเรียน ( x̄ = 4.10 , S.D. = 0.39) มีการประเมินและรายงานผลคะแนนให้นักเรียนได้ทราบทันที ( x̄ = 4.10 , S.D. = 0.39) เวลาในการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม ( x̄ = 4.10 , S.D. = 0.39)
The objectives of this research were 1. To develop learning skills of primary school students 1 – 6 about geometric shapes with artificial intelligence (AI) teaching media. 2. To develop skills Technology learning of students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School Phetchabun Province. 3. To develop teachers' competency with intellectual teaching media technology Artificial intelligence. (AI) 4. To develop teaching and learning according to the Thailand 4.0 policy with innovation Artificial intelligence (AI).
Methods of conducting research according to the classroom action research method (Action Research), the details are as follows: 1. Planning (Plan) where the researcher discusses problems together with teachers in the same subject. By analyzing the problems and their causes. Study related documents To serve as a guideline for organizing learning activities in the mathematics subject. Plan to create tools and use artificial intelligence (AI) teaching materials on the topic of three-dimensional geometric shapes for primary school students. Geometry ability test 2. Action (Act) The researcher proceeds according to the plan. Organizing learning activities to develop learning skills regarding geometric shapes for students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School, Khao Kho District Phetchabun Province 3. Observation (Observe) The researcher observes and records in order Collected detailed information during the project to develop technology learning skills of students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School Phetchabun Province To develop teachers' competency with artificial intelligence (AI) teaching media technology as a guideline for improving operations. 4. Reflect step: The researcher uses the data obtained to analyze problems and obstacles. that occurred during the activities of the project to develop technology learning skills of students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School Phetchabun Province To develop teachers' competency with teaching media technology Artificial intelligence (AI) model. The researcher will organize activities and analyze the results for development. Next, data was analyzed using descriptive statistics, including percentage and mean Standard deviation with ready-made computer programs.
Results from the study found that The sample group consisted of students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School, Khao Kho District, Phetchabun Province. The results of the analysis of test scores before participating in the training and after participating in the training on geometry for students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School Khao Kho District Phetchabun Province, found that the implementation of media programs Teaching learning about geometric shapes with artificial intelligence innovation (AI) using Python and Alteryx programs with a sample group of 60 people from the test scores after participating in the training. Students' average scores were higher than before the training. with an average of The score after the training was 65.33 and the mean score before the lesson was 46.00. Comparison results before participating in the training and after participating in the training on geometry for students in grades 1 - 6 of Ban Khek Noi School Khao Kho District, Phetchabun Province. It was found that after participating in the training, test scores were higher than before participating in the training. It has statistical significance at the 0.05 level, which is in accordance with the set assumptions. Average analysis results Standard deviation of knowledge and understanding of geometric shapes. It was found that learning with the program helped students see more concrete images. is at the highest level ( x̄ = 4.53, S.D. = 2.11) and when considering each item, it is found that the issues of motivation that are at a high level are having interesting teaching content ( x̄ = 4.41, S.D. = 2.73) and having Learning activities that develop learning skills in geometric shapes are easy to understand and interesting ( x̄ = 4.30, S.D. = 0.46) and the program is interesting ( x̄ = 4.23, S.D. = 0.46) with clarity in Explain the content ( x̄ = 4.21, S.D. = 0.49) Students have knowledge Understanding of learning mathematics Regarding geometric shapes ( x̄ = 4.13, S.D. = 0.43), The results of the data analysis of teachers' and students' satisfaction with learning activities to develop learning skills regarding geometric shapes found that the highest level was the issue of students actually having to practice using the Phythorn and Alteryx programs. ( x̄ = 4.50 , S.D. = 0.60) is at a high level. is the issue of students participating in learning management ( x̄ = 4.23, S.D. = 0.46). There are worksheets for students to specifically practice ( x̄ = 4.13, S.D. = 0.43). The teacher gives students an opportunity to ask questions about matters that are not relevant. Understand ( x̄ = 4.11, S.D. = 0.49) and learning activities are appropriate to the age of the students ( x̄ = 4.10, S.D. = 0.39). Scores are assessed and reported to students immediately ( x̄ = 4.10, S.D. = 0.39) time. In organizing activities, it is appropriate ( x̄ = 4.10 , S.D. = 0.39)
|
|---|
